ก้าวต่อก้าว…รัฐบาลก้าวไกล EP.14 พิธา พลิกเกมหุ้น ITV เปิดทางสู่นายกฯ

ในรัฐบาลก้าวไกล EP.14 ที่เพิ่งเผยแพร่ล่าสุดนี้ เราได้เห็นความก้าวหน้าที่สำคัญของ ก้าวต่อก้าว ในการพัฒนาประเทศไทย ซึ่งผู้นำทางเศรษฐกิจในรายการนี้คือ พิธา พลิกเกมหุ้น ITV ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะรัฐมนตรีที่สำคัญ ซึ่งเขาได้เสนอแผนและมีการกระทำที่มีประสิทธิภาพเพื่อเปลี่ยนแปลงตลาดหุ้น ITV ให้เป็นตลาดที่แข็งแรงและยั่งยืนขึ้น ในบทความนี้เราจะสำรวจและวิเคราะห์ก้าวต่อก้าวที่เกิดขึ้นในรัฐบาลก้าวไกล EP.14 โดยเน้นให้ความสำคัญกับพิธา พลิกเกมหุ้น ITV และผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย

ภูมิหลังของ

ก้าวต่อก้าว เป็นแนวคิดและแผนการที่รัฐบาลได้เสนอขึ้นเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนาในหลายด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม พลังงาน ด้านอุตสาหกรรม การศึกษา และอื่นๆ ก้าวต่อก้าวมุ่งหวังที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

EP.14ของ

EP.14 ของรัฐบาลก้าวไกล เป็นตอนที่สำคัญที่สุดในการประเทศไทย ในตอนนี้ รัฐบาลได้นำเสนอมาตรการและแผนงานที่มีความสำคัญสูงเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจและพัฒนาสังคม ระหว่างที่มีความสำคัญทั้งในระดับในประเทศและระดับสากล อีกทั้งยังมีการให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสใหม่ในการลงทุน การส่งเสริมการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและการพัฒนาอุตสาหกรรม

ไอทีวี

พิธา พลิกเกมหุ้น ITV เป็นหนึ่งในสมาชิกคณะรัฐมนตรีที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาตลาดหุ้น ITV ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญในเครื่องมือการเงินและการลงทุนของประเทศไทย พิธาเป็นผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการเงินและตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเขามีภาวะนายกฯในเครื่องมือเข้ามาช่วยให้ตลาดหุ้น ITV เปลี่ยนแปลงให้เกิดการเติบโตและเป็นกลางในภูมิภาค

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ก้าวต่อก้าว มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยในลักษณะที่หลากหลาย ซึ่งเราได้เห็นการพัฒนาในหลายด้าน เช่น การเพิ่มโอกาสในการทำงานและการลงทุน การพัฒนาสายสื่อสารและพลังงาน การสร้างสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีขึ้น การส่งเสริมการท่องเที่ยว และการสนับสนุนอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในระดับเมืองและชนบท

ความท้าทายและการวิจารณ์

แม้ว่าก้าวต่อก้าวจะมีผลกระทบที่ดีต่อเศรษฐกิจและสังคม แต่ก็ยังมีความท้าทายและคำวิจารณ์ที่เกี่ยวข้องอยู่ บางคนอาจมีความเชื่อว่ามีการดำเนินงานที่ช้าเพราะมีกระบวนการที่ซับซ้อน อีกทั้งยังมีคำถามเกี่ยวกับการกระจายอำนาจและความโปร่งใสในการดำเนินงานของก้าวต่อก้าว การตอบสนองต่อคำวิจารณ์และการแก้ไขปัญหาเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในขั้นตอนต่อไป

แนวโน้มในอนาคต

ในอนาคต ก้าวต่อก้าวยังมีแผนและเป้าหมายที่สำคัญอยู่อีกมากมาย การพัฒนาที่เกิดขึ้นในรัฐบาลก้าวไกล EP.14 จะเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย ผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะยาวอาจเป็นเช่นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรม การสร้างระบบที่ยั่งยืนและมั่นคงในการบริหารจัดการทรัพยากร และการพัฒนาเทคโนโลยีให้เป็นที่ทันสมัย

บทสรุป

ในสรุป ก้าวต่อก้าวเป็นแนวคิดและแผนการที่สำคัญในการพัฒนาประเทศไทย โดยเราได้รู้จักกับรัฐบาลก้าวไกล EP.14 ที่มีความสำคัญอย่างมาก และพิธา พลิกเกมหุ้น ITV ที่เป็นสมาชิกคณะรัฐมนตรีที่สำคัญในการพัฒนาตลาดหุ้น ITV การก้าวต่อก้าวมีผลกระทบที่ดีต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ อย่างไรก็ตามยังมีความท้าทายและคำวิจารณ์ที่ต้องรับมือ อนาคตของก้าวต่อก้าวยังมีแนวคิดและเป้าหมายที่สำคัญอยู่อีกมากมาย หากเราสามารถทำให้ก้าวต่อก้าวเป็นจริง อนาคตของประเทศไทยจะสดใสและมีความเป็นไปได้ที่ดีมากยิ่งขึ้น

ก้าวต่อก้าว…รัฐบาลก้าวไกล EP.14 พิธา พลิกเกมหุ้น ITV เปิดทางสู่นายกฯ [VIDEO]

“รายการพิเศษ ติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่นำโดยพรรคก้าวไกล ติดตามได้ จันทร์-ศุกร์ 21.00 น.

EP.14 ถอดคำอธิบายการถือหุ้น ITV ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และแนวทางการต่อสู้ พร้อมประเมินทิศทางความเป็นไปได้หลังจากนี้ หากไม่รอดคดีหุ้น ยังมีลุ้นเป็นนายกฯ หรือนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ได้หรือไม่

#MatichonTV #ข่าวการเมืองมติชน #ก้าวไกล

สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ

/ @matichontv

Official Matichon TV

ติดตามข่าวสารได้ใน
Web : http://www.matichon.co.th/default.php
Facebook : https://www.facebook.com/ThePoliticsB…
Instagram : https://instagram.com/matichononline
Twitter : https://twitter.com/MatichonTV
Tiktok : https://www.tiktok.com/@matichontv”

เนื้อหาของวิดีโอ ก้าวต่อก้าว…รัฐบาลก้าวไกล EP.14 พิธา พลิกเกมหุ้น ITV เปิดทางสู่นายกฯ

สวัสดีครับคุณผู้ชมที่เคารพครับนี่คือรายการพิเศษ 969 รัฐบาลก้าวไกล รายการที่จะเกาะติดการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกล และว่าที่นายกรัฐมนตรีพิธาลิ้มเจริญรัตน์นะครับ วันนี้ประเด็นสำคัญก็คือ ความชัดเจนกรณีการถือหุ้น itv ของคุณพิธา หลังจากที่ ปล่อยให้เป็นคำ คำถามมา ประมาณวันสองวันนะครับ เรื่องมันมาอย่างนี้ เรื่องมันมาจากการมีคำถามว่า กรณีการถือหุ้นของคุณพิธานซึ่งเรารับรู้ว่าคุณพิธาถือหุ้นในทีวีอยู่ และมันมีค่า คำถามว่า หุ้นนี้ จะทำให้คุณพี่ทานเนี่ย เสียสิทธิ์ในการเป็นสส เสียสิทธิ์ในการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แล้ววันสองวันที่ผ่านมาก็มีคำถาม ถามว่ามีกระแสข่าวว่า คุณพี่ขาได้ ไม่ได้ถึงพรุ่งนี้แล้ว มีการขายหรือโอนไปแล้วตามกระแสเขามาวันนี้ชัดเจนแล้วนะ วันนี้ เดี๋ยวผมจะสรุปให้เห็นภาพรวมทั้งหมดว่า คุณพี่ขาจะโต เรื่องนี้อย่างไร และ จากการขยับปากรุ่นที่ของคุณพิธา มันจะทำให้ทิศทางที่จะเดินต่อไปมันออกทางใดได้บ้าง จะครบจบที่นี่ทั้งหมดนะครับ รบกวนแบบนี้ก่อนนะครับวันนี้ คุณพี่ทานเดี๋ยวนี้นัดหมายสำคัญ ก็คือไปพบกับคุณ ในช่วงบ่าย กะว่าช่วงเช้าเดี๋ยวจัด ต้องไปประชุมกับ พรรคร่วมรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยแน่นอนว่า วันที่ 4 ต้องการจะหาสูตรวิชาพื้นฐาน ขายหุ้นนี่ล่ะ เอกสารเข้ามาวันสองวันก็คุณพี่ ได้มีการขายหุ้นต่อไปเรียบร้อยแล้วปรากฏว่า พี่ทาขาเข้า ที่ไปประชุม เพื่อไทย ก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ มีรายงานข่าวว่าคุณพี่ถาม ไปขึ้นด้านหลังของตึก ในขณะที่สื่อหลักอยู่ด้านหน้า อย่างไรก็ตามประมาณ 11:00 น ได้มีการโพสต์ข้อความขนาดยาว Facebook ซึ่งดูเหมือนจะชี้แจง ชัดเจนครอบคลุมทุกประเด็น เดี๋ยวผมจะไล่นะคะสรุปประเด็นสำคัญมีอยู่ 4 ประเด็นด้วยกัน ในคำชี้แจงของคุณ วิชาผ่านทาง facebook คือสถานะของไอทีวีแล้วเรื่องมรดก คุณพี่ถ่ายยืนยันว่าไอทีบีถูกยกเลิกสัญญา ประกอบกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์ ระบบ uf คือไม่สามารถจะใช้คลื่นความถี่ ประกอบกิจการเพื่อออกอากาศได้ สถานะความเป็นสื่อมวลชน สิ้นสุดตั้งแต่ 7 มีนาคม 2550 สถานะที่คุณพิชายืนยัน ที่นี่ หุ้นตัวนี้มาอยู่ในมือคุณปรีชาอย่างไร ก่อนหน้านี้หุ้นเป็นของพ่อคุณพิธา แล้วหลังจากนั้น พ่อพิศาลเสียชีวิต คุณประวิทย์ตกมาเป็นมรดก เมื่อ 16 มีนาคม คือปีเดียวกันเลยนะฮะ สถานะสื่อมวลชนสิ้นสุด 7 มีนาคม 2550 หุ้นตกไปอยู่ในมือคนที่ทา 16 มีนาคม 2550 เนื่องจาก ศาลแต่งตั้งให้คุณพิธาเป็นผู้จัดการกองมรดกของคุณพ่อ แล้วคุณพี่ขาก็ได้รับมอบหมาย จากทายาทผู้มีสิทธิ์รับมรดกของคุณพ่อ ที่ใครที่จะต้องได้สมบัติตรงนี้เขาบอกให้คุณพี่ทานดูแลไปก่อน เพราะฉะนั้นทรัพย์สินก็เลยอยู่กับคุณพิธา แล้วคุณพี่ขาก็ย้ำว่ากูในทีวีมันไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อไปแล้ว เพราะมันไม่ได้ออกอากาศแล้ว และภายหลังปี 2557 ถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์นั้นมันก็ซื้อขายในตลาดหุ้นไม่ได้ด้วย นี่คือประเด็นที่คุณพิชาชี้แจงนะคะ มันไม่มีมูลค่า ไอทีวีไม่ได้มีสถานะเป็นสื่อมวลชนแล้วและทายาทคนอื่นก็เห็นว่ามันเป็นแบบนี้ ก็ให้คุณพี่ทานหรือทิ้งไว้ก็แล้วกัน อันนี้คือประเด็นที่ 1 ทุกวิชาชี้แจง ประเด็นที่ 2 คุณพี่ถ้าบอกว่ามันมีพิรุธ ในการคืนชีพ ไอ้ทีวีให้กลับมาเป็นอีกครั้งหนึ่ง ถ้าไปดูแบบนำส่งการเงิน คุณพิธาบอกปี 61 62 ระบุประเภทธุรกิจ ว่าเป็นกิจกรรมบริษัทโฮลดิ้งที่ไม่ได้ลงทุน ในธุรกิจการเงินเป็นหลัก แต่หลังจากนั้นปี 63 64 ระบุประเภทธุรกิจว่าเป็นสื่อโทรทัศน์ แต่ก็ระบุว่า ปัจจุบันไม่ได้ดำเนินการเนื่องจากติดคดีความ ปี 2565 กลับระบุว่า เป็นสื่อโทรทัศน์ และในส่วนสินค้าบริการระบุว่า สื่อโฆษณาและผลตอบแทนจากการลงทุน คุณพี่ทาบอก มันพิรุธมาก ที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อความ จากเดิมแบบนึง มาเป็นสื่อโทรทัศน์ ต่างกันที่ในหมายเหตุ ประกอบพก โครงการเงินกู้ระบุว่ามีรายได้จ่ายแค่ดอกเบี้ยและการลงทุนในตราสารหนี้ กลับไประบุว่าตัวเองเป็นสื่อโทรทัศน์ ส่วนสินค้าบริการบวกสื่อโฆษณาและผลตอบแทน การจัดการลงทุน อันนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แล้วประเด็นสำคัญที่คุณพิชาชี้แจงผ่านทางการโพสต์ Facebook นะครับก็คือ มีการโอนหุ้น ออกไปเรียบร้อยแล้วนี่เป็นประเด็นที่สื่อและสังคม อยู่ 2-3 วัน คุณพิธาบอกว่า เนื่องจากมีข้อพิรุธจากข้อที่แล้วหรอคะ มีความพยายามไปคืนชีพ IG ให้กลับมาเป็นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตก็เลยคุยกับทายาทคนอื่น สิ้นเดือนก็จะต้องได้รับทุนตัวนี้ แต่ก็เห็นว่ามันไม่มีมูลค่าก็ฝากคุณพี่ทาไว้ ได้ตกลงกันว่า การแต่งกายให้เรียบร้อย บอกว่าปลายเดือนพฤษภาคมก็เลยมีการ ไปหมดแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาการฟื้นคืนชีพความเป็นสื่อมวลชน แล้วเดี๋ยวมันจะมีปัญหาต่อไปในอนาคต และสุดท้าย ส่วนที่ 4 ที่คุณพี่ทาบอกนะคะว่า คุณพี่ถามผมว่าการตัด องศาเนี่ย มันคงจะต้องไประบบนะ ประยุกต์เอากรณีคำสั่งศาลฎีกาแบบที่เราๆก็อยู่ไปบ่อยๆฮะ คือกรณีคุณชาญชัยอิสระเสนารักษ์ ผู้สมัครสสของพรรคประชาธิปัตย์ที่นครนายก กูชาญชัยเนี่ย ตอนแรกถูกตัดสิทธิ์ เนื่องจากบอกว่ามีการถือหุ้นสื่อ จำนวน 1 ทำให้ไม่สามารถเป็นผู้สมัครได้ คุณชาญชัยก็ไปร้องศาลฎีกา แล้วศาลฎีกาก็ตัดสินคืนสิทธิ์การเป็นผู้สมัครให้กับคุณชาญชัย แม้ว่าในเวลาต่อมาคุณ จะใช้จะแพ้หรือปั่นก็ตาม แต่สิ่งที่คุณพี่ขาตั้งข้อสังเกตก็คือบอกว่า เมื่อศาลฎีกาขั้นวางแนวไว้แบบนี้แล้ว การรักษาความเป็นเอกภาพของระบบกฎหมายเป็นเครื่องค้ำจุนความยุติธรรมของนิติรัฐ เพื่อไม่ให้ใช้การตีความก่อนให้เกิดผลตลาด ระบบกฎหมาย คุณพี่ขาตั้งคำถามว่า ถ้าศาลฎีกาเคยตัดสินให้คุณชาญชัยไม่ผิด แล้วถ้าคุณชัยชนะเลือกตั้งและยังถือหุ้นตัวนี้อยู่ มีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินว่ายังไง จะตัดสินไปแนวเดียวกับศาลฎีกาหรือจะตัดสินแย้ง ถ้าตัดสินแย้ง จะทำให้เกิดผลประโยชน์และกระทบกระเทือนความเป็นเอกภาพ ของระบบกฎหมายเป็นอย่างยิ่ง สังคมมีความน่าเชื่อถือและความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน ที่อยู่ภายใต้กฎหมาย ต่อระบบมันชอบฐานทางกฎหมายของไทย นี่คือใจความสำคัญ คุณพิธาชี้แจงในวันนี้นะคะโดยเฉพาะข้อสุดท้าย ก็คือการบอกว่า ถ้ากรณีศาลฎีกาเคยบอกว่าคุณชาย แล้วถ้าคุณชัยชนะเลือกตั้งกลับมีคนไปร้อง แล้วศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไปอีกทางว่าคุณชาญชัยผิด จะอธิบายได้ยังไงจะทำให้คุณเชื่อจริงๆ หมายถึงอะไร นี่คือส่วนหนึ่งของการต่อสู้ของคุณพิธานะครับ แล้วคุณพี่ถามก็ตอบคำถามนี้เพิ่มเติม หลังจากที่สื่อถามนะคะคุณพี่ตาบอกว่า เรื่องหุ้นเนี่ย ไม่ใช่การขาย แต่เป็นการโอนไปให้ทายาทเรียบร้อยแล้ว สาเหตุก็คืออดีตที่ผ่านมา คุณพี่ถามว่าจ่ายเรื่องข้อกฎหมายว่ามันไม่ใช่หุ้นสื่อ สถานการณ์ถือไว้ก็ไม่ผิด หลักฐานก็พร้อมจะยืนยันเรื่องนี้แต่ เมื่อมีความพยายามในการ จะซื้อให้ได้ในอนาคต ด้วยการฟื้นขึ้นมาใหม่ ก็เป็นไปได้ว่ามันอาจจะเกิดการคืนชีพ เพราะฉะนั้น ณนาทีนี้ตัด จ่ายคุยกับทายาทที่เหลือว่า ไม่ต้องฝากแล้ว เอาของท่านกลับไป คือโอนหุ้นไปให้พ้นหมดเลย พี่ชายบอกว่าไม่แน่ใจว่าอนาคต จะด้วยเหตุผลการต้องการประกอบ กิจกรรมสื่อจริงๆ หรือเหตุผลทางการเมือง ไอทีวีอาจจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้วก็จะส่งผลต่อไปเพราะฉะนั้นตอนนี้ ตัดสินใจ โอนคืนไปหมดเรียบร้อยแล้ว นี่คือประเด็นที่คุณพิธา สั่งมาให้หนูเขียนไม่ให้เหตุผลของคุณพิธา และประเด็นที่จะใช้ในการต่อสู้ ทีนี้ผมย้อนกลับไปสรุป ฝันของคุณบล็อกสักนิดนึงเดี๋ยวจะถ่ายภาพให้เห็นนะว่าการต่อสู้ผู้พิทักษ์ จะทำอะไรให้เกิดขึ้นตามมา ประเด็นที่คุณเรืองไกรลีกิจวัฒนะ ซึ่งเคยเป็น ผู้สมัครสสบัญชีรายชื่อของพรรคพลัง ได้ไปหรอวะเนี่ย กรณีที่คุณดวงใจไปร้องก็คือบอกว่า สถานภาพของคุณพิธาเนี่ย มันเป็นการค้า กับรัฐธรรมนูญ มาตรา 90 วงเล็บ 3 ที่เขาเขียนระบุเอาไว้ว่า คุณจะเป็นสส ไม่สามารถจะไปถือหุ้นสื่อเป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อ เดี๋ยวมันจะส่งผลต่อเรื่องของการเลือกตั้ง แล้วสถานะของรัฐมนตรีก็เช่นเดียวกัน คุณไก่ก็ยังยืนยันว่า กรณีที่ไปยื่นคำร้องเอาไว้แบบนี้เนี่ย เนื่องจากในมุมของคุณเกรียงไกร ไอทีวียังมีสถานะ ประกอบกิจการอยู่ เนื่องจากว่าตอนแรกไอทีวีก็ดำเนินกิจการอยู่ใช่ไหมคะ แล้ววันหนึ่ง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เขาก็ไปบอกยกเลิกสัญญา IG บีก็เลย ไปฟ้อง อนุญาโตตุลาการแล้วแพ้ เพราะฉะนั้นสถานะไอทีวีก็หายไป แต่หลังจากนั้น LINE TV กลับไปล็อคอนุญาโตตุลาการไปครั้งที่ 2 เท่าที่ปรากฏว่า Itb พลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะ สถานะ ของการเป็นองค์กรของ SCB เกาหลีกลับขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในมุมคนเป็นไต และขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างการสู้คดีกัน เพราะฉะนั้นในบุญของคุณเกรียงไกรหนึ่งก็คือ Itd ยังมีสถานะอยู่ ยังไม่ได้ปิดไฟ กรณีการถือหุ้นของคุณพิธา คุณเกรียงไกรยืนยันว่าตรวจสอบแล้วคุณพิธา ถือหุ้นในบริษัทไอทีวีมา 16 ปี นับถือมาจนกระทั่งเกินวันรับสมัครเลือกตั้งแน่นอนเพราะว่า ตอนตรวจสอบเมื่อวันที่ 16 เมษายน ยังมีชื่ออยู่ แล้วตอนที่มีการสมัครส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพระคุณบิดาเป็นประเทศอันดับ 1 ที่วันที่ 3 ถึง 7 เมษายน อดีตการสมัครมันเกิดขึ้นก่อน คุณไก่ก็ยังยืนยันว่า สถานะการซื้อหุ้นกับพิธายังอยู่ และในมุมของคุณดวงใจก็บอกว่าในเมื่อมันเคยเกิดขึ้นแล้ว เรื่องของการสมัครสส นิสิตจะเป็นการเป็น นายกรัฐมนตรี คุณพี่ทำหมดสิทธิ์ไปแล้วครับ ถ้าศาลตัดสินว่า LINE TV เป็นหุ้นสื่อ เพราะฉะนั้นปุ่มที่จะต่อสู้ตอนนี้ 2 ฝ่าย ต่างกันนะฮะ ขอบคุณพี่สาวสถานะคือยืนยันว่า ไอทีวีไม่ใช่สื่อ Voice TV ถูกยกเลิกประกอบกิจการไปตั้งแต่ปี 2500 ถ้ามันจะออกปากมันต้องดีขึ้น แต่ในเมื่อมันไม่มีคลื่นออกอากาศ มันก็ขึ้นสถานะสื่อตั้งแต่ 7 มีนาคม แต่กูโดนใครไม่นับ กูเดินไกลไปนับว่า บริษัทไอทีวียังมีสถานะเปิดอยู่ ยังไม่ได้เลิก โฆษณาในทีวีมีสถานะอยู่นี่คือประเด็นที่สองฝ่าย จะต้องต่อสู้กันนะครับ Siri ถามว่าหลังจากนี้มันจะเดินหน้าไป อย่างไร ผลสรุปออกมาให้ดูเป็นก็หมด 4 รูปแบบด้วยกัน คุณพิธาเปิดไพ่ว่าจะสู้ในประเด็นเรื่องนี้ด้วยกัน โอนหุ้นต่อไปเรียบร้อยแล้วเนี่ยให้ทายาทไปแล้ว อะไรมันจะเกิดขึ้นต่อไปนะครับถ้าเราไปดู กราฟฟิกประกอบด้วย ครั้งแรกก็คือ รอด ดูสายสุดนะคะ ถ้าคุณพิธารอดคดีถือหุ้นในทีวีอันนี้ไม่มีปัญหา สถานการณ์เป็นส.ส. ก็จะไม่ติดขัด กับรัฐธรรมนูญมาตรา 98 วงเล็บ 3 คุณพี่ขาจะได้เป็นสส แล้วก็เดินหน้าต่อสู่การลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรี อันนี้คือช่องทางที่ คนที่ไปเลือกเอาไปเขาอยากให้ออกแบบนี้ แล้วคุณพี่ขาก็เชื่อมั่น ว่ามันจะออกจากนี้ อย่างที่คุณพิธาย้ำว่า ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา เขามั่นใจว่าสถานะไอทีวีไม่ใช่สื่อ การถือหุ้น itd อยู่เป็นการถือในฐานะ คนดูแลมรดกเท่านั้น เมื่อวันนึงมันเกิดคำถามแล้วมีคนจะไปซื้อมา ก็กระจายพูดออกไปหายาก ตามกฎหมายเรียบร้อยแล้วอันนี้คือแบบที่ คุณพิทักษ์รอดได้เป็นสสและเป็นนายกรัฐมนตรี แบบที่ 2 ช่องขับมา พี่กุลพี่ถามไปว่าคดีหุ้น itd เด็กจะคุยพี่สาวจะไม่ได้เป็นสส เพราะว่าการไปถือหุ้นสื่อจะขัดกับการเป็นสสเหมือนกับกรณีคุณธนาธร แล้วก็จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย คุณสมบัติของการเป็นนายกรัฐมนตรีมันจะล้อกับการเป็น สงกรานต์ไป แต่ทีนี้ สำคัญคือให้ดูช่องที่ 3 กับช่องที่ 4 นะ ช่องที่ 3 คือถ้ากรณี คุณพี่ขาไม่รอดคดีหุ้น itv แน่นอนคุณพิธาจะไม่ได้เป็นสส แต่สิ่งที่เกิดขึ้นณตอนนี้คือคุณพี่ถ้าได้โอนหุ้น itd ไปแล้ว ยังมีโอกาสจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีถ้าไปต่อสู้ในเรื่องของ ข้อกฎหมาย เนื่องจากว่าตัวกฎหมาย รัฐธรรมนูญ มาตรา 160 เขาบอกว่า รัฐมนตรี ในวงเล็บ 6 ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 มาตรา 98 ก็คือสิ่งที่เราพูดกันอยู่ก็คือว่า การถือหุ้นสื่อ หรือเป็นเจ้าของสื่อ แต่ณที่นี้ คุณพิธายังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคะ คุณพิธายังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กระบวนการเลือกนายก มันยังไม่เกิด ถ้าเอาตามนี้ คุณพิธาโอนหุ้นออกจากมือแล้ว ก็ไม่มีก็ห้ามเป็นนายกรัฐมนตรี ออกไป เขาห้ามนายกถือหุ้นสื่อ ตอนที่คุณพี่ถ้าเป็นแคนดิเดตยังไม่ได้เป็นนายก คุณพี่คะโอนหุ้นในตอนนี้ ไม่ได้เป็นสสก็จริง ยังมีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วจริงประเด็นนี้คุณพิธาเคยให้สัมภาษณ์คุณจอมขวัญเอาไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม คุณพี่ทาบอกว่า ไม่มีทางโดนตัดสิทธิ์ เรื่องของคุณเนี่ย ถ้าสะดวกอย่างมากที่สุด ถ้ามันเป็น wordpress ยากที่สุดของย่อที่สุด คือโดนตัดสิทธิ์การเป็นสส ไปยังเป็นนายกได้อยู่ คุณพี่เองก็เคยมองประเด็นนี้ไว้แล้วนะคะ แม้ว่าตอนนั้นยังไม่ได้มีประเด็นโดนผู้โดยสารไป กูถามมึงไปเดี๋ยวนี้ แต่อย่างไรก็ตามผมก็ต้อง ให้ข้อมูลของฝ่ายที่เห็นแย้งด้วย ไปที่เห็นแย้งกรณีคุณเกรียงไกรอย่างที่ว่าไปแล้วกูโดนใครบอกไม่ได้ เพราะ การที่คุณเป็นคดีเด็ดนายกเนี่ย มันก็มีข้อห้าม เรื่องการถือหุ้นสื่อ การที่กูจะเป็นใช้สิทธิ์เครดิตเพื่อเดินหน้าไปสู่เป็นนายกก็เป็นคนผิดตั้งแต่ต้น ติดตั้งแต่ต้น คุณก็ไม่สามารถเป็นนายกได้เช่นเดียวกัน หรือแม้กระทั่งกรณีของสมาชิกวุฒิสภาคุณสมชายแสวงการก็ยืนยันไปเรียนนี้ บอกว่าเป็นแคนดิเดตนายกเนี่ย คุณถือหุ้นอยู่ตอนนั้น อาจจะเป็นนายกก็ไม่ได้เหมือนกัน อันนี้ต้องไปสู้กันนะ ว่า คุณพี่ทานจะยืนยันว่า ตอนนี้ผมยังไม่ได้เป็นนายก เขาห้ามนายกถือหุ้นสื่อ ถ้าปล่อยตอนนี้ก็แปลว่าผมไม่ได้ หรือเปล่า อันนี้ก็แบบหนึ่ง แล้วแบบสุดท้าย คดีหุ้นสื่อ ไม่ได้เป็นส.ส. อันนี้ได้นอนนะ โอนหุ้น SCB ไปแล้วอันนี้เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน อาจจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าไปตีความแบบที่ว่า แบบที่คุณสมชายแสวงการบอก แบบที่คุณเรืองไกรลีกิจวัฒนะบอกว่า ไม่ได้เขาก็จะเป็นคดีเด็ดแล้ววันที่คุณเป็นคนดีเด่นคุณถือหุ้นสื่ออยู่ คุณก็ไม่มีสิทธิ์เป็นนายก ถ้ามันออกมาแบบนี้จริงๆ คุณพิธาเป็นรัฐมนตรีได้คะ นิสัยการเป็นรัฐมนตรีเขาก็กำหนดแบบเดียวกันก็คือ รัฐมนตรีต้องไม่ถือหุ้นสื่อ แล้วถ้าคุณพี่ถ้าโอนหุ้น ipo ไปแล้ว ก็แปลว่าคุณพี่ถามไม่ได้ถือหุ้น ถ้ากรณีจะตีความหมายที่ยังเป็นสื่อนะ คุณพิทักษ์ก็เป็นรัฐมนตรีได้ ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ทางที่อาจจะเป็นไปได้ แน่นอนว่า อธิษฐานคุณพิธาและคนที่จะก้าวไปอยากให้เป็นมากที่สุดคือแบบแรก รอด เพราะอะไร รอดเพราะ มันไม่รับซื้อแล้ว มันไม่มีคลื่นออกอากาศมาตั้งแต่ปี 2550 เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ควรเป็นสื่อ ถ้าไม่เป็นสื่อการไปถือหุ้นในทีวีก็ไม่ผิด ไม่ผิดก็เป็นสสได้ ไอ้นายกรัฐมนตรีได้อันนี้คือแบบหนึ่ง แต่ถ้าตีความว่า LINE TV ยังมีสถานะเป็นสื่ออยู่ ก็จะไปออกแบบ 2 แบบ 3 และแบบ 4 ซึ่งแน่นอนคุณพิธา จะไม่ได้เป็นสสแน่ แต่ก็ต้องไปลุ้นว่า จะไปนายกรัฐมนตรี ได้หรือไม่นะครับอันนี้เป็นการเปิดทาง ในการสู้อีกแบบหนึ่งก็คือช่องที่ 3 แต่ถ้าแย่ที่สุดก็ยังออกไปที่ 4 ได้อยู่ ที่ไหนเนี่ย มันมีกรณีน่าสนใจนะคะอันนี้อยากจะเล่าให้ฟังเป็นเบื้องต้นไว้ก่อน เนื่องจากว่าตอนนี้เนี่ย ก็จะมีการอ้างคดีที่อยู่ในชั้นศาลเช่นกรณีของศาลฎีกา ที่ตัดสินคดีของคุณชาญชัย ที่ผมว่าไปแล้วนะครับ ที่นี่ก็มีผู้รู้ทางกฎหมายท่านหนึ่งท่านแนะนำบอกว่า มันเคยมีกรณีคดีที่ ร้องไปที่ศาลปกครอง แล้วศาลปกครองสูงสุดได้มีคำวินิจฉัยเอาไว้ 7 มกราคม 2556 สถานการณ์ในตอนนั้นก็คือผู้ร้อง คือคุณวุฒิพรเดี่ยวพานิช คุณพุทธิพรเนี่ย ไปสมัครเป็นกรรมการ มันกระจายเขียน กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เป็นชาติคือกรรมการกสทช ฝ่ายที่ดูแลคุ้มครองผู้บริโภค ก็ไปสมัคร เข้าสู่กระบวนการสรรหาปรากฏว่า คนที่พิจารณาคุณสมบัติ เขาตัดคุณพุทธิพรออก เนื่องจากคุณพุทธิพรถือหุ้น itv Versatile เลยนะ ไปถือหุ้นในทีวีอยู่ คุณพุทธิพรก็ร้องไปที่ศาลปกครอง แล้วก็ไปตามลำดับขั้น จนกระทั่งศาลปกครองสูงสุด ท่านพิจารณาแบบนี้ครับว่า กรณีที่บอกว่าคุณพุทธิพรเนี่ย ถือหุ้นสื่ออยู่ในตอนนั้น แต่ กรณีของบริษัทไอทีวี ถูกแจ้งยกเลิกสัญญาเข้าร่วมกิจการ ออกอากาศสถานีวิทยุโทรทัศน์ ระบบ uf ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถดำเนินกิจการได้เพราะ ไม่มีคลื่นความถี่ เนื่องจากการประกอบกิจการธุรกิจ ต้องขออนุญาตจากกสทชตามพระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พุทธศักราช เพราะฉะนั้นถ้าคุณไปเอาเกมอย่างเดียวว่า เขาถือหุ้นในทีวี แปลว่าคนถือหุ้นสื่อ ศาลปกครองสูงสุดท่านเคยวางแนวไว้แล้วว่า ทีวีไม่มีคลื่น ถ้าไม่มีคลื่นแล้วไม่ได้ไปขออนุญาตกสทช จะออกอากาศได้อย่างไร เพราะฉะนั้นตอนนั้นก็เลยตัดสินว่าการไปตัดสิทธิ์ คุณฐิติพร ไม่ให้ลงเป็นกรรมการกสทช. เนื่องจากคุณสมบัติว่าเคยถือหุ้นสื่อ ไม่ถูกต้อง นี่ถ้ากูไม่ส่งเพราะมันเคยมีแนวของศาลอื่น นอกจากศาลฎีกาที่เคยกล่าวไปแล้วอันนี้เป็นแนวของศาลปกครองสูงสุด เดี๋ยวค่อยว่ากันต่อ วัดที่สุดจะมีคนหยิบยกกรณีนี้ขึ้นมา พิจารณาหรือเปล่าจ๊ะผู้รู้ทางกฎหมายต้องชี้ให้เห็นว่ามันเคยมีเคสไอทีวี และศาลก็เคยตัดสินอันนี้ ไว้แบบเดียวกัน ฉะนั้น ชื่อคุณพี่ขาก็ต้องสู้ในกรณีนี้ว่า ไอทีวีไม่ได้เป็นสื่อ สูตรที่ต้องโอนไปตอนนี้เพราะมีคนจะพยายามไปฟื้นไอทีวีให้เป็นผื่น แล้วแต่คุณพี่ชายยังถือต่อไป เขาบอกว่าที่ผ่านมาไม่ผิด แต่หลังจากนี้พอจะโหวตนายกมันจะผิดทันที LINE TV พื้นกลับมาเป็นสื่อ เพราะฉะนั้น ปล่อยออกไปก่อน แล้วส่วนที่เหลือก็สู้กับว่าไปตามคดี ว่าไปตามกระบวนการ แย่ที่สุด อาจจะออกมาในรูปแบบที่ 3 ถึงที่ว่าไปแล้วครับเป็นสสไม่ได้อาจจะสู้เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เรื่องนี้ที่สุดแล้ว ต้องติดตามกันยาวเพราะมีรายละเอียดข้อกฎหมายวันนี้เป็นข้อมูล ณตอนนี้ฮะ เดี๋ยวติดต่อต่อไปว่า จะมีใคร หรือเปล่า วันนี้รอผมส่งไปก่อนครับสวัสดีครับ