1. เรื่องนำ
เรื่องนี้จะพูดถึงการตอบไม่ชัดเกี่ยวกับการขายหุ้นสื่อ ที่เป็นเรื่องของพิธาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยในช่วงเวลาหนึ่ง การตอบไม่ชัดนั้นส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านการสื่อสารและสาธารณะในระดับต่าง ๆ อันเป็นที่กังวลในสังคม ในบทความนี้จะนำเสนอว่าทำไมการขายหุ้นสื่อถึงถูกสกัดและหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้
2. ความสำคัญของการตอบไม่ชัด
การตอบไม่ชัดเป็นปัญหาที่สำคัญในการสื่อสารในสังคมทุกประเทศ การที่ข้อมูลหรือข่าวสารไม่ชัดเจนอาจทำให้เกิดความสับสนและความไม่พอใจกับผู้รับข้อมูล ในกรณีของการขายหุ้นสื่อ ความชัดเจนเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเชื่อมโยงกับผู้ลงทุนและสื่อมวลชน การตอบไม่ชัดทำให้เกิดความขัดแย้งและความไม่เชื่อถือที่อาจมีผลกระทบต่อความเสียหายทางทางเศรษฐกิจและการเมือง
3. ปัญหาที่เกิดจากการขายหุ้นสื่อ
การขายหุ้นสื่อเกิดปัญหาหลายประการ เช่น ความไม่ชัดเจนในเส้นทางและเป้าหมายของการขาย ข้อมูลที่ไม่เพียงพอและไม่ชัดเจนเกี่ยวกับกิจกรรมของบริษัท รายละเอียดที่มีข้อบกพร่องเกี่ยวกับผลประกอบการทางการเงิน และอื่น ๆ ปัญหาเหล่านี้ทำให้ผู้ลงทุนและสื่อมวลชนไม่มั่นใจในการลงทุนและเชื่อถือในบริษัทที่ขายหุ้น
4. การสกัดความเป็นสาธารณะ
สาเหตุหนึ่งของการขายหุ้นสื่อถูกสกัดคือการสกัดความเป็นสาธารณะ เจ้าของอำนาจหรือบุคคลที่มีอำนาจส่วนใหญ่อาจตัดสิทธิ์ของสื่อมวลชนในการรายงานข่าวสารที่ไม่ถูกต้องหรือที่ส่งผลกระทบต่อตัวเอง นอกจากนี้ การสกัดความเป็นสาธารณะยังสามารถเกิดขึ้นผ่านการควบคุมสื่อมวลชนหรือการกีดกันในการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่พอใจหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม
5. สาเหตุของการสกัดความเป็นสาธารณะ
การสกัดความเป็นสาธารณะสามารถมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ความไม่พอใจต่อเนื้อหาทางการเมือง ผู้มีอำนาจที่กลั่นแกล้งในการควบคุมสื่อมวลชน หรือความกดดันจากกลุ่มผู้มีอำนาจทางการเมืองหรือธุรกิจที่มุ่งหวังให้ข่าวสารถูกควบคุมและกีดกัน
6. ผลกระทบที่เกิดขึ้น
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการตอบไม่ชัดและการสกัดความเป็นสาธารณะมีความหลากหลาย ซึ่งส่งผลต่อทั้งเศรษฐกิจและสังคม หลายครั้งการสกัดความเป็นสาธารณะสามารถเป็นอันตรายต่อความเสียหายทางทางเศรษฐกิจ เช่น การลดการลงทุน การเสื่อมถอยความเชื่อมั่นของนักลงทุน และการทำให้ตลาดการเงินไม่เสถียร
7. การแก้ไขเกมถูกสกัด
เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากเกมถูกสกัด จำเป็นต้องมีการแก้ไขทั้งในระดับองค์กรและระดับนโยบาย การปรับปรุงกระบวนการขายหุ้นสื่อเพื่อให้มีความชัดเจนและความโปร่งใสมากขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ การส่งเสริมความโปร่งใสในการบริหารจัดการบริษัทและสื่อมวลชนก็มีผลสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
8. แนวทางการบรรเทาสถานการณ์
เพื่อบรรเทาสถานการณ์ที่เกิดจากการขายหุ้นสื่อที่ตอบไม่ชัดและถูกสกัด มีแนวทางการบรรเทาที่สามารถนำมาใช้ได้ เช่น การสร้างกลไกทางกฎหมายเพื่อปกป้องสื่อมวลชนและผู้ลงทุน การส่งเสริมความโปร่งใสในการดำเนินงานของบริษัท และการส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้สำหรับผู้ลงทุนและสื่อมวลชน
9. ผลกระทบของการแก้ไขเกมถูกสกัด
การแก้ไขปัญหาเกมถูกสกัดสามารถส่งผลที่มีความดีให้กับระบบการขายหุ้นสื่อ ซึ่งอาจเพิ่มความเชื่อถือให้แก่ผู้ลงทุนและสื่อมวลชน และส่งผลในการเพิ่มความเสถียรและเติบโตของตลาดการเงินและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
10. การไล่บี้ของส.ว.-นักร้อง
ในบทความนี้เราจะนำเสนอเรื่องการไล่บี้ของส.ว.-นักร้องที่เกิดขึ้นในสังคมไทย การไล่บี้นี้มาจากความไม่พอใจต่อความเป็นตัวตนและความคิดเห็นทางการเมืองของส.ว.และบุคคลที่เกี่ยวข้อง
11. ผลกระทบจากการไล่บี้
การไล่บี้ส่งผลให้เกิดความไม่เสถียรในสังคมและอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตของบุคคลที่ถูกไล่บี้ นอกจากนี้ การไล่บี้ยังส่งผลให้เกิดความไม่เชื่อถือและความขัดแย้งทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความไม่เป็นระเบียบในสังคม
12. การแก้ไขปัญหาการไล่บี้
เพื่อแก้ไขปัญหาการไล่บี้ จำเป็นต้องมีการส่งเสริมความเข้าใจและการยอมรับความแตกต่างในสังคม การส่งเสริมการสื่อสารและการแสดงความคิดเห็นที่สุภาพและไม่กระทบต่อผู้อื่น และการสร้างกลุ่มสนับสนุนที่สามารถช่วยให้บุคคลที่ถูกไล่บี้มีความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับปัญหานี้
13. วิธีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างมาตรฐานและนโยบายที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในทิศทางที่ดี การส่งเสริมการพัฒนาบุคลิกภาพและความรับผิดชอบทางสังคม และการสร้างโอกาสให้กับทุกคนในสังคมที่สามารถแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
14. สรุป
ในบทความนี้เราได้พูดถึงการตอบไม่ชัดในการขายหุ้นสื่อและการสกัดความเป็นสาธารณะที่เกิดขึ้นในสังคมไทย การตอบไม่ชัดและการสกัดความเป็นสาธารณะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหานี้ จำเป็นต้องมีการแก้ไขทั้งในระดับองค์กรและระดับนโยบายเพื่อสร้างความโปร่งใสและความเชื่อถือในการขายหุ้นสื่อและสื่อมวลชน
15. คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
Q1: การตอบไม่ชัดทำให้เกิดปัญหาอะไรบ้าง?
A1: การตอบไม่ชัดทำให้เกิดความสับสนและความไม่พอใจในผู้รับข้อมูล มีความเสียหายต่อเศรษฐกิจและการเมือง และส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในสังคม
Q2: สาเหตุหลักของการสกัดความเป็นสาธารณะคืออะไร?
A2: สาเหตุหลักของการสกัดความเป็นสาธารณะมาจากความไม่พอใจต่อเนื้อหาทางการเมือง อำนาจการควบคุมสื่อมวลชน หรือการกดดันจากกลุ่มผู้มีอำนาจทางการเมืองหรือธุรกิจ
Q3: การไล่บี้ส่งผลกระทบอย่างไรต่อสังคม?
A3: การไล่บี้ส่งผลให้เกิดความไม่เสถียรในสังคม มีผลต่อสุขภาพจิตและสร้างความไม่เชื่อถือและขัดแย้งทางการเมือง
Q4: วิธีการแก้ไขปัญหาการไล่บี้คืออะไร?
A4: วิธีการแก้ไขปัญหาการไล่บี้รวมถึงการส่งเสริมความเข้าใจและการยอมรับความแตกต่าง สร้างมาตรฐานและนโยบายที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และสร้างโอกาสให้กับทุกคนที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
Q5: วิธีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตเพื่อแก้ไขปัญหาทางสังคมคืออะไร?
A5: เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมในอนาคต จำเป็นต้องสร้างมาตรฐานและนโยบายที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในทิศทางที่ดี ส่งเสริมการพัฒนาบุคลิกภาพและความรับผิดชอบทางสังคม และสร้างโอกาสให้กับทุกคนในสังคมที่สามารถแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
พิธา ตอบไม่ชัดขายหุ้นสื่อ แก้เกมถูกสกัดนั่งนายกฯ หรือไม่ ส.ว.-นักร้อง ไล่บี้ไม่จบ [VIDEO]
“ท่ามกลางกระแสข่าว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก้าวไกล ขายหุ้นไอทีวี ไปแล้ว วันนี้ยังไม่มีคำตอบชัดๆ ถึงเรื่องนี้ รวมทั้งกรณีว่าเกี่ยวข้องกับการแก้เกมถูกสกัดไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ขณะที่ทั้งผู้ร้องและฝ่าย ส.ว.ดักทาง ขายหุ้นช่วงนี้ไม่ช่วยให้สถานภาพแคนดิเดตนายกฯ กลับมา
#matichontv #ข่าวการเมือง #ก้าวไกล
สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ
/ @matichontv
Official Matichon TV
ติดตามข่าวสารได้ใน
Web : http://www.matichon.co.th/default.php
Facebook : https://www.facebook.com/ThePoliticsB…
Instagram : https://instagram.com/matichononline
Twitter : https://twitter.com/MatichonTV
Tiktok : https://www.tiktok.com/@matichontv”
เนื้อหาของวิดีโอ พิธา ตอบไม่ชัดขายหุ้นสื่อ แก้เกมถูกสกัดนั่งนายกฯ หรือไม่ ส.ว.-นักร้อง ไล่บี้ไม่จบ
อัพเดทข่าววันนี้ ประเด็นวันนี้ ว่าจะนัดตรงในสนามการเมืองวันนี้ประเด็นไม่เยอะแต่เรื่องนี้คนสนใจและ กลายเป็นประเด็นขึ้นมาต่อเนื่องนะครับกรณี หุ้นสื่อของคุณพิธาลิ้มเจริญรัตน์ ดีนะที่มันก็เป็นประเด็นมาสักระยะแล้วว่า เรื่องนี้มันจะส่งผลต่อสถานะของคุณพิธาหรือเปล่าจะส่งผลต่อสถานะ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีรวมถึงอาจจะส่งผลถึงสถานะนายกในอนาคตต่อไปหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่คนตั้งคำถามเยอะ แล้วก็มีความพยายาม ยกตรงนั้นตรงนี้มาอธิบายนะครับเรื่องราวที่เกิดขึ้น วันนี้มีมีทัศนะมีความเห็นอีก 1 คนนะครับที่ออกมาชี้เรื่องนี้แล้วบอกว่า นิทานเนี่ยท่านดูตามกฎหมายถ้าดูตามรัฐธรรมนูญแล้ว มีโอกาสนะ ที่จะ มีความผิด เพื่อนที่เกิดขึ้นมีความผิดอาจจะถูกตัดสิทธิ์ในเรื่องนี้ คนนึงที่ออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้นะครับคือคุณสมชายแสวงการ สมาชิกวุฒิสภาหรือว่า 2 ตัวนี้นะ คุณสมชาย ออกมาแสดงกรณีทัศนะกรณีที่เกิดขึ้นการถือหุ้นสื่อของคุณวินัย ในหัวข้อปริศนาธรรมการเมืองเรื่องหุ้นในทีวี น้าด้วยข้อความบางส่วนในบอกว่า กรณีถ้าถือหุ้นสื่อไอทีวีเนี่ยเป็นความผิดนะครับจะถูกตัดสิทธิ์ สสและแคนดิเดตนายกด้วยหรือไม่ ในเรื่องนี้คุณสมชายบอกว่า มีรัฐธรรมนูญ 4 มาตราที่เกี่ยวข้องด้วยกัน รุ่นนี้มีสีมาตราของมนุษย์ที่เกี่ยวข้อง ถ้าศาลลงวินิจฉัยว่าการถือหุ้น itv 42000 หุ้นผิด และเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครสสนั้น คุณพี่ทานเนี่ยจะขาดคุณสมบัติทั้งส.ส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แม้ว่าอาจจะขาย หรือ โอนหุ้นออกวันใด ย่อมไม่มีผล ต่อการพิจารณาคดีแล้ว นี่เขายกตัวอย่าง ไม่ใช่ยกตัวอย่างมา 4 ข้อนะครับเพราะ 1 การเสนอ ชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 นั้น ดำเนินการก่อนปิดรับสมัครส.ส มีข้อที่ 1 นะฮะ ข้อที่ 2 มาตรา 89 วงเล็บ 2 ผู้ได้รับการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม เป็นรัฐมนตรีตามมาตรา 160 มาตรา 160 วงเล็บ 6 ไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 98 และ 4 มาตรา 98 วงเล็บ 3 ห้ามผู้สมัครสสเป็นเจ้าของ หรือ ผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ สื่อมวลชนใดๆ นี่คือ ข้อ 4 มาตราที่ คุณสมชายยกมา ระดับให้เห็น ว่ามันเกี่ยวพันกันอย่างไร กรณีของการสื่อสารวิทยา แล้วคุณสมชายก็บอกดังนั้น ถ้าตีความตามนี้ ก็น่าจะถือว่าขาดคุณสมบัติ ตั้งแต่วันปิดรับสมัครตามมาตรา 88 ในวันที่ 4-7 เมษายน ไม่ว่าคุณปรีชาจะขายหรือไม่ขายหุ้น ในช่วงหลังที่ผ่านมา จริงๆท่าน Thammanoon คุณสมชายเบาะนับตั้งแต่วันที่ไปรับสมัคร แคนดิเดตนายกแล้ว 4-7 เมษายน แล้วคุณสมชายก็บอกว่าแต่หนทางที่ถูกต้องชอบธรรมที่สุดก็คือ ทางกกตนี่นะมีหน้าที่สรุปส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยให้เป็นที่ยุติ แล้วบอกว่าคำที่ใช้ของสาร เป็นที่สุด นะครับและคำวินิจฉัยของศาล รัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร นี่เป็นประเด็นที่ วันนี้คุณสมชายแสวงการออกมาชี้โดยชุ รัฐธรรมนูญนะครับ 4 มาตรา ว่าคุณพี่ทานนั้นเข้าข่าย ขาดคุณสมบัติ การตั้งแต่วันรับสมัครเลือกตั้งแล้ว แม้ว่าจะมีกระแสข่าวขายหุ้น ในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม ระบบไม่เกี่ยวพันกัน นี่เป็นความเห็นย้ำนะครับจากคุณสมชาย แสวงการส.ว. นะ ปรากฏว่า หลังจากที่มีความเห็น จากคุณสมชายออกมาแล้วปรากฏว่าวันนี้เนี่ยที่พรรคก้าวไกลเขามีการ ประชุมกันภายในพรรค นักข่าวก็ต้องไปดักนะครับเพราะวันนี้ไม่มีไม้อื่น เป็นหลักนะก็ต้องไปทำอยู่ที่ก้าวไกลไอ้คนที่จะมีความเคลื่อนไหวอะไรออกมาหรือไม่ ก็ไปเจอกันเลขาธิการพรรคก้าวไกล ชัยธวัชตุลาธนนะครับ ก็สอบถามกัน สอบถามกัน หลายประเด็นทั้งวันนี้มาประชุมอะไรมีอะไรหรือเปล่า นะครับที่สำคัญวันนี้มีกลุ่มพีมูฟเอามายื่น จดหมายด้วยนายต้องมีโอกาสได้เจอหน้าค่าตาสอบถามกัน คุณชัยวัฒน์ก็ ก็ ถูกสอบถาม ถึงประเด็นเมื่อสักครู่เหมือนกันที่ มีทางสวสมชายแสวงการเนี่ย ออกมาระบุว่า กรณีหุ้นสื่อของคุณวิชาเนี่ย รัฐธรรมนูญ 4 มาตรา ทำให้ขาดคุณสมบัติเป็นเบสและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ข้อสอบถามการคุณธนวัฒน์ตอบบอกว่า เรื่องคดียังมั่นใจเหมือนเดิมก็จะสามารถชี้แจง นะครับแล้วก็สามารถต่อสู้ได้ เหลือแค่รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือว่าปกติ ว่าจะประสานงานมาทางคุณพิธา แล้วพรรคก้าวไปเมื่อไหร่ มั่นใจว่า ชี้แจง และสู้ได้ ก็สอบถามต่อว่าเอาแล้วฝ่ายกฎหมาย ของพรรคก้าวไกลนะมองว่ากรณีนี้เข้าข่ายตามที่คุณสมชายระบุหรือเปล่า 4 มาตราที่ว่าที่ยกมาด้วยนะ คุณธนวัฒน์บอกไม่เข้าข่าย แปลว่า เป็น รายละเอียดที่เตรียมต่อสู้ทางคดีอยู่แล้ว ไม่ได้เข้าข่ายอะไร เตรียมเรื่องนี้สิ่งที่คุณสมชายยกมาก็เตรียมไว้อยู่เหมือนกัน ไม่เท่าไหร่วะ ข้อสอบถามต่อว่าอ้าวแล้วกรณีที่มีอาจารย์ นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตแล้วครับคุณคมสันโพธิ์คงเนี่ย ออกมาชีวะธาตุ หากศาลตัดสินคุณพิธา จะทำให้การรับรองส.ส. ของคุณพิธาขาดไปด้วย และอาจจะมีปัญหาเรื่องการส่งผู้สมัครครั้งที่แล้ว เพราะว่าข้อบังคับของการเขียนไว้ว่า คนที่จะมีคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรค ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งมีการเลื่อน เรื่องการถือหุ้นอยู่แล้วเนี่ยกังวลด้วยหรือเปล่าเรื่องนี้ คุณธนวัฒน์บอกโอ๋คง คงไม่ไปไกลถึงขนาดนั้นนะ คงไม่ไปไกลถึงขนาดนั้นเพราะว่าต้องพิจารณาก่อน ว่าคุณพี่ทานมีความผิด ยืนยันว่าคุณพี่ถามไม่ได้มีความ ไม่ได้มีความผิดและ ยืนยันว่า ข้อบังคับพรรคเนี่ยก็เขียนไปตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าเป็นไปตามนั้น ข้อสอบถามและถ้ากรณีว่ามันมีปัญหาตรงจุดนั้น ตำแหน่งหัวหน้าพรรคของคุณพิธามันจะมีปัญหาตามไปด้วยหรือเปล่า คิดว่าต้องเป็นการตีความที่ไปไกลเกินไปนะ อะไรคือไปไกลเกิน เน้นย้ำนะ ก็สอบถามกันว่าวันนี้ทางพรรคต้องรอดูว่าคุณสมบัติของคุณพิธานมีการถือหุ้นจริงใช่หรือเปล่า คุณธนวัฒน์บอกว่าตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจกับสวนะ เพราะว่าอย่างไรก็ตามเรื่องคดีหุ้นสื่อเนี่ย มันต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง ดังนั้นเนี่ยสิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนคือการบวชเลือกนายกรัฐมนตรี และพยายามจะประสานกับสว ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าแล้ว ส่วนใหญ่ ก็เหมือนเดิมๆที่เคยชี้แจงไปว่าเมื่อได้มีการพูดคุยกันแล้ว กำแพงที่มีอยู่เนี่ยมันก็จะ ลดลงไป รถมึงไป เกาะเรื่องที่สำคัญที่สุดเวลานี้คือคุยกับสวก่อน แล้วไปเลือกนายก ข้อสอบถามกันว่าอ้าว แต่มันอย่างนี้นะมีกระแสข่าวมานะบอกว่า มีการเทขายหรือว่าโอนหุ้นไปแล้วที่เป็นปัญหาอยู่เนี่ย 40,000 จริงหรือเปล่ามันมีกระแสข่าว อย่างนี้ กูจะถามว่าสอบถาม คุณธวัชบอกว่า คือต้องไปดูรายละเอียดนะ ต้องไปดูรายละเอียดแต่จริงๆแล้วการตีความกฎหมาย บรรทัดฐาน แล้วก็มาตรฐานการวินิจฉัยเนี่ย มันมีหลายกรณีที่เทียบเขียนได้ไม่น่าจะมีอะไร ไม่น่าจะมีอะไร นี่ก็เป็นความเห็นกรณีการถือหุ้นสื่อของ คุณชัยธวัชเลขาก้าวไกล Keyword สำคัญ 2 เรื่องหนึ่งคือมั่นใจ ชี้แจงและสู้ได้ไม่มีความผิด 2 คือ เรื่องที่มีการพูดกันถึงขนาดว่า อาจจะตัดสิทธิ์ในฐานะ หัวหน้าพรรคด้วยและนำไปสู่การเลือกตั้งซ่อมเนี่ยบอก คิดไปไกลเกินไป ยังไม่ไปถึงขนาดนั้นนะเป็นเรื่องที่ไกลเกินไป นี่คือ ฝันเห็น สกุลชัยธวัช นิดนึงที่มันกลายเป็น สิ่งที่ถูกจับตาขึ้นมาก็คือว่า เรื่องของการ ขายหุ้น บัญชีกระแสข่าวมา ในช่วงเวลานี้บอกว่า คุณพิชาเนี่ย ขายหุ้นไปแล้ว 40,000 ของไอทีวีที่เป็นปัญหาอยู่เนี่ย แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจนในเรื่องนี้นะครับ ส่งมาสักครู่ถาม ถามคุณธนวัฒน์ก็ไม่ตอบชัดเจนว่าขายหรือไม่ขาย คุณชัยวัฒน์ก็พูดลักษณะเชิงแค่ว่า ต้องดูรายละเอียด ต้องดูรายละเอียดแล้วครับ ปรากฏ ปรากฏวันนี้ที่พรรคก้าวไกลเช่นเดียวกันนักข่าวก็เจอคุณพิธาลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคแล้วก็คดีเด็ด นายกของพระอินทร์ เจอแป๊บนึง เป็นจังหวัดหนึ่งที่ก็สอบถามกันนี่แหละว่า สรุป กระแสข่าวที่บอกว่าขายหุ้นไอทีวีแล้วเนี่ย 40,000 บาทจริงหรือไม่จริง สอบถามคุณพิธา เป็นจังหวะแป๊บเดียวเท่านั้นเองที่เจอหน้ากัน บอกเพียงแค่ว่า คุณธนวัฒน์ ต่อไปแล้ว อธิบายไปแล้ว ถ้ามีรหัสแล้วคุณพิชาก็ ขึ้นรถออกจากที่ทำงาน ไม่ได้ตอบอะไรมากมายไปกว่านั้น นะครับบอกแค่ว่าคุณธนวัฒน์ ชี้แจงไปแล้วอธิบายไปแล้ว ไม่ได้ตอบว่าขายหรือ ไม่ขาย ขายหรือไม่ขายแต่บอกว่าคุณธนวัฒน์อธิบายไป ซึ่งคุณชัยวัฒน์อธิบายไปก็อย่างที่ผมได้รายงานเมื่อสักครู่นะฮะ บอกว่า ต้องดูรายละเอียด แต่จริงๆแล้วการตีความกฎหมาย บรรทัดฐานและมาตรฐานการวินิจฉัย มีหลายกรณีที่สามารถเทียบเคียงได้ ไม่น่าจะมีอะไร นี่คือสิ่งที่คุณพิธา ยกให้วาด ไอ้ตุ๋นไปฟังคำอธิบายของคุณธนวัฒน์ นี่เป็นมุมนึงนะครับ ส่วนอีกความเคลื่อนไหว 1 ในกรณีเรื่องถือหุ้นสื่อของคุณวิชานี้นะ ความเคลื่อนไหวของคุณเรืองไกรลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัครสสบัญชีรายชื่อของพลังประชารัฐคุณเรืองไกร ออกมาให้สัมภาษณ์ บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้นะ 6 มิถุนายน วันพรุ่งนี้วันอังคารนี้นะเวลา 10:00 น เนี่ยจะ ตัวเองจะไปยื่นหนังสือ ให้กกตนะครับ ให้ตรวจสอบ สัญญาร่วมงาน ระหว่างสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี หรือว่า 2 คนกับไอ้ทีวีเนี่ยยังมีผลตามกฎหมายอยู่หรือเปล่า ไปยื่นให้ตรวจสอบ เพราะว่ามีคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่ทำให้เห็นว่า คำวินิจฉัย ขี้ขลาด ของอนุญาโตตุลาการ ที่เราบอกว่าสอบป บอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานกับไอ้ทีวีเนี่ย โดยไม่มีสิทธิ์หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย แล้วศาลปกครองกลางเห็นว่าคำที่ใช้ดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย จึงจะขอให้ตรวจสอบ สหกรณ์ก็ตอนตรวจสอบแต่ว่า สรุปแล้ว สัญญาเข้าร่วมดังกล่าวเนี่ยมันยังมีผลอยู่หรือเปล่า รวมถึงรวมถึงคุณยายบอกนะจ๊ะขอให้กกตเนี่ย ไปตรวจสอบ พี่ถาด้วย นะครับกรณี ขายหุ้น itv เนี่ยขายออกไปแล้วหรือเปล่า ขอให้ไปตรวจสอบหน่อย นะครับเพราะคุณเรืองไกรบอกว่า ล่าสุดเนี่ยกำลังกายทราบข่าวมาว่าคุณพิธาในขายหุ้น 42000 หุ้นออกไปเรียบร้อยแล้ว ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมก็คือไม่กี่วันที่ผ่านมานี้นะ ได้ข่าวว่าขายไปแล้วเดี๋ยวขอให้กกตไปตรวจสอบก่อนขายจริงหรือเปล่า รวมถึงให้ตรวจสอบรายการสัญญาสัญญาระหว่างเสาอากาศทีวี สรุปมีผลจริงไหม ในการร่วมงานกัน 2 เรื่องใหญ่ แล้วกูเล่นกันก็บอกถ้าคุณพี่ทาบอกถือหุ้นสื่อได้ไม่ติด แล้วรีบขายหุ้นออกไปทำไม อันนี้เป็นกรณีที่มีกระแสข่าวว่าขายหุ้นนี้นะคุณต้องการก็บอกจะขอให้ตรวจสอบเขาเนี่ย ถ้าคุณพี่ถ้าบอกว่าก็ถือหุ้นสื่อไม่ได้ติดจริงจะขายทำไม แล้วหนูเนี่ยระบุคุณสมบัติผู้สมัครสส และผู้ได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรีไว้ชัดเจนนะครับ ว่าห้ามถือครองหุ้นสื่อ จะถือ 1 หรือ 2 หุ้น ก็มีความผิดแล้ว ไม่เกี่ยวกับจำนวนที่ถือครองหุ้น จะครอบงำดำเนินการกิจการได้หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับจำนวนหุ้น อีกครั้งนะกูถึงได้บอกว่าอีกครั้ง ข้อพิพาท ระหว่าง สปกไก่ทีวีนะ หากในที่ศาลปกครองสูงสุด ยืนยัน ตามศาลปกครองชั้นต้น ให้ไอ้ทีวีชนะคดี นั่นก็หมายความว่าไอทีวีสามารถกลับมาดำเนินกิจการสื่อได้ ทั้งนั้นเนี่ยไอ้ทีวีจึงยังไม่สิ้นสภาพความรู้สึก การบอกว่า ไอ้ทีวีเจ๊งไปแล้ว จึงอาจจะไม่เจ๋ง ซึ่งมันก็จะมีผลกับกรณี ถือหุ้นของพี่ทาม นี่คือ นะครับความเคลื่อนไหวในฝั่งธนใจที่เขาบอกว่าเขาจะไปยื่นพรุ่งนี้ ให้ตรวจสอบ 2 เรื่องใหญ่ๆ สัญญาระหว่างสมรสกับไอ้ทีวี และ คุณพิธาขายจริงหรือเปล่า 24 นี้นะ เขาว่าเขาจะยอมเป็นอีกประเด็นว่าถ้าขายจริง อ่านแล้วบอกว่าไม่ผิดจะขายทำไม นี่ๆ นี่ก็เป็นประเด็น เป็นประเด็นที่เกิดขึ้นนะครับกรณีหุ้นสื่อก็ต้องตามกันละว่าอย่างไร ตอนนี้ หลายคนก็สนใจกรณีการ ที่มันมีกระแสข่าวมาว่าคุณปรีชาขายหุ้นค่ะ ขายจริงหรือเปล่า พี่ก็สงสารและบริการก็ไม่ได้ตอบชัดเจนว่าเขาขาย หรือ ไม่ขาย รวมถึงสัญญาที่คุณไก่จ๋าจะไป ไป ยื่นให้ตรวจสอบด้วยให้ฟังรอเข้าตรวจสอบในพื้นที่ตามตอบเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ มีการพูดคุยกันเมื่อสักครู่เนี่ยมันจะมีผลโยงต่อ มีผลโยงต่อ สถานะของคุณพิธาโดยเฉพาะเรื่องของตัว สถานะสสและสถานการณ์เด็ดนายกรัฐมนตรี อากาศ เป็นประเด็นที่ต้องการคำตอบเหมือนกันในช่วงนี้จริงๆมันมีรายละเอียดในเชิงกฎหมายที่น่าสนใจอยู่ ได้รับได้ฟังบางประการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ กฎหมายแปลว่า เพื่อความชัดเจนเดี๋ยวผมจะชวนนักกฎหมายมาคุยกันให้ชัดดีกว่านะครับวันนี้ยังไม่อยากจะอธิบายไปเองกลัวว่าจะคาดเคลื่อน นะเรื่อง เอาเป็นว่ามันก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันกับมุมที่ถ้ากรณีมีการขายจริง หรือไม่ขาย มันก็อาจจะมีผลต่อเนื่องนะครับในอนาคตต่อไปเหมือนกันเกี่ยวกับสถานะ คุณพิธา แล้วเรื่องกรณีกฎหมายต่างๆที่ยกมาเนี่ย มันจะมีผลเกี่ยวพันกันอยู่รอติดตามนะครับดูคลิปจบแล้วอย่าลืมกดติดตามและสมัครสมาชิก YouTube YouTube มติชนทีวีสแกน QR Code ได้เลยครับ