สัญญาณเริ่มขัดข้องในการปมพิธาถือหุ้นสื่อกำลังเป็นเรื่องที่แทรกแซงในวงจรการลงทุนในประเทศไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ชี้แจงว่าส.ว. (สภาวิชาชีพ) ไม่เกี่ยวข้องกับการปมพิธาถือหุ้นสื่อของผู้เล่นตลาดในเชิงนโยบายและไม่ได้รับรองโดยตรง อย่างไรก็ตาม วิษณุ ขอเงียบ ผู้ประกอบการและนักลงทุนในตลาดหุ้นสื่อ ได้ตัดสินใจที่จะปมพิธาถือหุ้นสื่ออย่างเชี่ยวชาญแม้แต่ที่จะไม่ได้รับรองจากส.ส. ในที่สุดเกิดอะไรขึ้นจากสถานการณ์นี้และมีผลกระทบอย่างไรต่อตลาดหุ้นสื่อและสังคม? ในบทความนี้เราจะพาท่านไปสำรวจรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้
1. ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสัญญาณเริ่มขัดข้องในการปมพิธาถือหุ้นสื่อ
1.1 สัญญาณเริ่มขัดข้องคืออะไร
สัญญาณเริ่มขัดข้องในการปมพิธาถือหุ้นสื่อเกิดขึ้นเมื่อมีการกำหนดข้อบังคับและนโยบายที่ไม่ชัดเจน หรือมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดโดยผู้มีอำนาจ ทำให้นักลงทุนหรือผู้เล่นตลาดหุ้นสื่อรู้สึกไม่แน่ใจและไม่มั่นใจในการลงทุนหรือประกอบกิจการ สัญญาณเช่นนี้อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นสื่อทั้งระยะสั้นและระยะยาว
1.2 การปมพิธาถือหุ้นสื่อและความสำคัญของการรับรอง
การปมพิธาถือหุ้นสื่อเป็นกระบวนการที่ผู้เล่นตลาดหุ้นสื่อใช้เพื่อเพิ่มสิ่งที่เรียกว่า “สวิทช์” หรือมูลค่าตลาดของหุ้นที่ต้องการปั้มขึ้น การปมพิธาถือหุ้นสื่อจะเป็นไปได้หากผู้เล่นตลาดสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอื่น ๆ โดยให้ความรับรองว่ามูลค่าตลาดของหุ้นนั้นสูงและมีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ความสำคัญของการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น ส.ว. ก็สำคัญเพื่อให้ผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นในตลาดและสามารถตัดสินใจในการลงทุนได้
2. ความเกี่ยวข้องระหว่างส.ว. และส.ส.
2.1 บทบาทและความรับผิดชอบของส.ว.
ส.ว. (สภาวิชาชีพ) เป็นองค์กรที่มีฐานะทางกฎหมายในการกำกับดูแลและควบคุมในด้านตลาดหลักทรัพย์และตลาดอนุพันธ์ในประเทศไทย หน้าที่หลักของส.ว. คือประเมินคุณภาพและรับรองบริษัทหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ และตลาดอนุพันธ์ รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตลาดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส
2.2 การเชื่อมโยงระหว่างส.ว. และส.ส. ในการปมพิธาถือหุ้นสื่อ
การเชื่อมโยงระหว่างส.ว. และส.ส. ในการปมพิธาถือหุ้นสื่อเกี่ยวข้องกับการรับรองจากส.ส. ซึ่งส.ว. จะตรวจสอบและประเมินความเหมาะสมของการปมพิธาถือหุ้นสื่อ และส.ส. จะมีบทบาทในการตัดสินใจว่าจะรับรองหรือไม่รับรองการปมพิธาถือหุ้นสื่อ การเชื่อมโยงระหว่างสององค์กรนี้เกิดขึ้นเพื่อให้มีความสอดคล้องและเป็นไปตามกระบวนการที่ชัดเจน และมีความโปร่งใส
3. การปมพิธาถือหุ้นสื่อของ วิษณุ ขอเงียบ
3.1 การเลือกที่จะไม่รับรองการปมพิธาถือหุ้นสื่อ
วิษณุ ขอเงียบ เป็นตัวแทนจากฝ่ายธุรกิจที่เข้าสู่ตลาดหุ้นสื่อด้วยการปมพิธาถือหุ้นสื่อ อย่างไรก็ตามเขาตัดสินใจที่จะไม่รับรองการปมพิธาถือหุ้นสื่อจากส.ส. ซึ่งเขามีเหตุผลในการตัดสินใจดังกล่าว การเลือกที่จะไม่รับรองสัญญาณเริ่มขัดข้องในการปมพิธาถือหุ้นสื่อเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างอิสระและสามารถมีผลกระทบต่อตลาดและสังคมได้
3.2 วิษณุ ขอเงียบและการตอบสนองจากส.ส.
การปมพิธาถือหุ้นสื่อของวิษณุ ขอเงียบ ได้รับความสนใจจากส.ส. ที่มีบทบาทในการตรวจสอบและตัดสินใจเกี่ยวกับการรับรอง ส.ส. ได้แสดงความไม่พอใจและแสดงความเห็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปมพิธาถือหุ้นสื่อของวิษณุ ขอเงียบ ผ่านช่องทางสื่อสังคม การตอบสนองจากส.ส. อาจมีผลต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของวิษณุ ขอเงียบ ในตลาดหุ้นสื่อ
4. ผลกระทบต่อตลาดหุ้นสื่อและสังคม
4.1 ความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นสื่อ
สัญญาณเริ่มขัดข้องในการปมพิธาถือหุ้นสื่อที่เกิดขึ้นสามารถสร้างความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นสื่อ นักลงทุนอาจรู้สึกไม่มั่นใจในการลงทุนหรือการเล่นตลาดหุ้นสื่อ ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดมีความเปลี่ยนแปลงและความผันผวนที่สูงขึ้น
4.2 ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
สัญญาณเริ่มขัดข้องในการปมพิธาถือหุ้นสื่ออาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด นักลงทุนอาจสงสัยในความน่าเชื่อถือของตลาดและระบบการประเมินคุณค่าของหุ้น ซึ่งอาจกระทบต่อการตัดสินใจในการลงทุนหรือถือหุ้นสื่อ
5. วิษณุ ขอเงียบกับการปมพิธาถือหุ้นสื่อ: ข้อได้เปรียบและข้อเสีย
5.1 ข้อได้เปรียบของการปมพิธาถือหุ้นสื่อ
การปมพิธาถือหุ้นสื่ออาจมีข้อได้เปรียบบางอย่าง เช่น การเพิ่มความน่าเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด การสร้างเสียงกลางในการลงทุนที่ดี และการสร้างโอกาสให้กับผู้เล่นตลาดหุ้นสื่อในการขยายกิจการ
5.2 ข้อเสียของการปมพิธาถือหุ้นสื่อ
การปมพิธาถือหุ้นสื่ออาจมีข้อเสียบางอย่าง เช่น การสร้างความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นสื่อ การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นที่ไม่สมเหตุสมผล และการเพิ่มความเสี่ยงในตลาดหลักทรัพย์
6. สรุป
สัญญาณเริ่มขัดข้องในการปมพิธาถือหุ้นสื่อเป็นเรื่องที่ทำให้ตลาดหุ้นสื่อเป็นไปได้อย่างไม่สมดุลย์และไม่แน่นอน การเลือกที่จะไม่รับรองการปมพิธาถือหุ้นสื่อก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนและผู้เล่นตลาดหุ้นสื่อสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นสื่อและสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเชื่อมั่นและความเป็นไปได้ในการลงทุน
FAQ (คำถามที่พบบ่อย)
1. ส.ส. มีบทบาทอะไรในการปมพิธาถือหุ้นสื่อ?
ส.ส. มีบทบาทในการตรวจสอบและตัดสินใจเกี่ยวกับการรับรองการปมพิธาถือหุ้นสื่อ โดยอาจเป็นการรับรองหรือไม่รับรองการปมพิธาถือหุ้นสื่อ
2. การปมพิธาถือหุ้นสื่อมีผลกระทบอย่างไรต่อตลาดหุ้นสื่อ?
การปมพิธาถือหุ้นสื่ออาจสร้างความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นสื่อ และส่งผลให้มีความผันผวนและความเปลี่ยนแปลงในราคาหุ้นได้
3. วิษณุ ขอเงียบเลือกที่จะไม่รับรองการปมพิธาถือหุ้นสื่อด้วยเหตุใด?
วิษณุ ขอเงียบเลือกที่จะไม่รับรองการปมพิธาถือหุ้นสื่ออาจมีเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อถือในระบบการประเมินคุณค่าของหุ้นหรือผลกระทบจากส.ส. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปมพิธาถือหุ้นสื่อ
4. การปมพิธาถือหุ้นสื่อมีข้อได้เปรียบอย่างไร?
การปมพิธาถือหุ้นสื่ออาจช่วยเพิ่มความน่าเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด สร้างเสียงกลางในการลงทุนที่ดี และเสร้างโอกาสให้กับผู้เล่นตลาดหุ้นสื่อในการขยายกิจการ
5. การปมพิธาถือหุ้นสื่อมีข้อเสียอะไรบ้าง?
การปมพิธาถือหุ้นสื่ออาจสร้างความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นสื่อ การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นที่ไม่สมเหตุสมผล และเพิ่มความเสี่ยงในตลาดหลักทรัพย
สัญญาณเริ่มขัดข้อง ปมพิธาถือหุ้นสื่อ ส.ว. ชี้ไม่เกี่ยวรับรอง ส.ส. – วิษณุ ขอเงียบ [VIDEO]
“ปมการถือหุ้นสื่อ ของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก้าวไกล ที่กลายเป็นประเด็นจากการให้สัมภาษณ์ ของวิษณุ เครืองาม ว่าอาจส่งผลต่อการรับรอง ส.ส. ด้วยนั้น อาจถูกปัดตกไปเสียหลัง ส.ว. และอดีตเลขา กกต. ออกมาชี้ว่า สถานะหัวหน้าพรรคไม่ได้ห้ามถือสื่อ เพราะฉะนั้นไม่ส่งผลต่อการรับรอง ส.ส. หากถูกฟัน ด้าน วิษณุ ระบุ ไม่ขอตอบอะไรแล้ว เพราะไม่เป็นธรรมกับก้าวไกล
#ข่าวการเมืองมติชน #thepolitics #MatichonTV
สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ
/ @matichontv
Official Matichon TV
ติดตามข่าวสารได้ใน
Web : http://www.matichon.co.th/default.php
Facebook : https://www.facebook.com/ThePoliticsB…
Instagram : https://instagram.com/matichononline
Twitter : https://twitter.com/MatichonTV
Tiktok : https://www.tiktok.com/@matichontv”
เนื้อหาของวิดีโอ สัญญาณเริ่มขัดข้อง ปมพิธาถือหุ้นสื่อ ส.ว. ชี้ไม่เกี่ยวรับรอง ส.ส. – วิษณุ ขอเงียบ
เรื่องแรกที่หลายคน สนใจแล้วก็กลายเป็นประเด็นในสังคม นะครับว่าเอ๊ะเรื่องนี้จะออกยังไงจะออกหัวออกก้อยออกดีหรือออกไม่ดี หลังจากที่มีคนมาชี้ประเด็น ก็คือกรณีการถือหุ้นสื่อนะครับของคุณพิธา แล้วปรากฏว่ามันกลายเป็นประเด็นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่คุณวิษณุเครืองามรองนายก ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว บอกกรณีที่มันออกได้หลายหน้า แต่มันออก ถึงขั้นแปลว่า อาจจะต้อง เลือกตั้งซ่อมใหม่ทั้งประเทศ กรณีถ้าคุณพิธา เซ็น รับรองสส และมีคนร้องเรื่องนี้ อาจจะไปถึงจุดนั้น วันนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาหลายคนก็จับจ้องไปที่ คำพูดของคุณวิษณุวันนี้เป็นการชี้นำหรือไม่อย่างไรต่อสังคม เป็นเรื่องใหญ่ ปรากฏว่าหลังจากผ่านไป 2 วัน ที่เป็นประเด็นไปแล้ววันนี้ ความคืบหน้านะคะ หาไม่เจอพิษณุ ครั้งหนึ่ง ไปสอบถามแล้วนะเรื่องนี้แหละประเด็นนี้เลย น้าหลังจากที่ออกมาเนี่ย วิษณุบอกยี่ห้อบอก ไม่ตอบอะไรแล้ว ไม่ขอตอบอะไรแล้ว พระอาทิตย์ตอบในวันก่อนก็คือสื่อถามก็เลยตอบ ก็เห็นสิอยากถามอยากรู้ ก็เลยตอบให้ น้าก็ให้ความรู้ไปก็ควรจะจบแค่นั้น เดี๋ยวถ้าขยายความต่อไปคิดว่าไม่เป็นธรรมต่อก้าวไกล ที่เขากำลังดำเนินการไปในแนวทางที่ควรทำอยู่แล้วเพราะฉะนั้นอย่าไปทำอะไรที่ทำให้กระบวนการ เขาสะดุด ถ้าพูดมากกว่านี้ไป ก็แสดงว่าตั้งใจให้เขาสะดุด และเมื่อตัวเองไม่ได้ตั้งใจ อย่าไปพูดอะไรอีก ไม่พูดแล้ว นักข่าวก็ถามย้ำว่าเอ้เจตนารมณ์ของคุณวิษณุที่สื่อสาร ในลักษณะดังกล่าว แท้จริงมันเป็นอย่างไรเพราะว่าประเด็นมันไปไกลกว่านั้น ไม่สนุกบอกคือไม่ได้มีเจตนารมย์อะไรนะฮะ เจตนารมณ์คือแค่สื่อถามเลย ผมก็เลยตอบ และเวลาที่ไปออกข่าวก็ไม่ได้เสนอคำถาม เลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศหรือไม่ทั้งประเทศก็ตามที เพราะเมื่อต่อไปก็มีสื่อแจ้งว่า จะเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้ก็บอกว่าเคยมีเท่านั้นเอง ไม่ได้เปรียบเทียบอะไร และความจริงก็เปรียบเทียบอะไรไม่ได้ เพราะมันคนละกรณีกันดังนั้นไม่ตอบแล้วเรื่องนี้ ก็ถามย้ำนะฮะ ในทางกฎหมายตามที่เป็นข่าวเนี่ย จะเป็นอย่างที่เคยระบุไว้หรือเปล่า วิษณุบอก ช่วยถามคนอื่นเถอะ ช่วยถามคนอื่นเถอะพี่ตอบลักษณะอารมณ์ซึมน้อยใจเหมือนกันนะ เข้าใจว่าหลังจากสอบรอบก่อนไปแล้ว รถทัวร์มาจอดเนี่ย ตัวเองก็คงเซ็งๆเหมือนกัน ก็พยายามบอกเขาก็ถามผมก็เลยตอบ แต่ตอบแล้วไม่เป็นประโยชน์กับร่างกายผมก็ไม่ตอบแล้ว จบเท่านี้พอไปถามคนอื่นเถอะ นี่คือ วิษณุหน่อยครับหลังจากที่ กลายเป็นประเด็นเรื่องนี้ไป ที่ให้สัมภาษณ์วันก่อนวันนี้บอกไม่พูดไม่ตอบอะไรแล้ว ถ้ามันจะไม่เป็นประโยชน์ในการตั้งรัฐบาล เป็นความคืบหน้านะครับ ส่วนอีกความเห็นดึง จะเรียกว่าเป็นความคืบหน้าได้หรือไม่แต่ว่าเขาก็ออกมาแสดงความเห็น ที่มองในเชิงตัวบทกฎหมาย หมายเมื่อวานที่นำเสนอไปแล้วในมุมมองของนักกฎหมายนะครับว่าเขามองกรณี หาของคุณพี่ทาไว้ ได้อย่างไรบ้าง นะครับก็มีทั้งมองว่ามีโอกาสจะโดนและมีโอกาสจะไม่โดนในกรณีการเป็นหัวหน้าพรรคไปเซ็นรับรองชนะจะต้องถึง เลือกตั้งใหม่ไหม ก็มีคนพูดว่านี้มีอีกคนนึงที่ออก แสดงความเห็นและเป็นความเห็นที่น่าสนใจและน่าจะเคลียร์เข้าไปส่วนหนึ่งด้วยท่านจงจาก สถานะจากตำแหน่งของเขา คนนี้ก็คือ พันตำรวจเอกจรุงวิทย์ภุมมานะครับ สว แต่ว่าในอดีตคุณณรงค์วิทย์เคยเป็น เลขากกตมาก่อน คือมีน้ำหนัก ทั้ง 2 ขาเลยปัจจุบัน 2 เคยเป็นเลขากกต กูจะลงโพสต์ Facebook นะฮะ โพสต์ Facebook อธิบายข้อกฎหมาย กรณีการถือหุ้นสื่อ ของผู้รับสมัครสส และเป็นหัวหน้าพรรค การเมือง ที่เซ็นรับรอง ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสส หากศาล รัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสิทธิ์กรมถือหุ้นสื่อ โดย คุณจรูญวิทย์ใครยก ตัวอย่าง เป็นชื่อ เทียบเคียงกับกรณีของคุณพิธาเน้นย้ำนะคุณจะลงลิฟท์ยก ตัวอย่าง เป็นชื่อที่เทียบเคียงกับกรณี โดยคุณจะดูคลิปบอกว่าเนี่ย คำถามก็คือว่า นายนิทราที่เป็นกรณีตัวอย่างนะฮะที่จะยกขึ้นมานะ นายนิทราเน็ตให้ออกหนังสือรับรองให้ผู้สมัครสอบพระไปยื่นรับเลือกตั้ง แล้วนายนิทราเองก็ลงสมัครแบบบัญชีรายชื่อของพรรคด้วย และได้รับการเสนอชื่อจากพระให้เป็นนายกด้วย ต่อมาภายหลังเลือกตั้งเนี่ยมีคนไปร้องเรียนบอกนายนิทราเนี่ยฮะ ถือหุ้นสื่อ utd ย้ำนะครับถือหุ้นสื่ออยู่ทีวีที่จะยกตัวอย่าง หากศาลตัดสินว่าถือหุ้นสื่อ utv จริง การถูกตัดสิทธิ์จะมีผลถึงการรับรองผู้สมัคร ทำให้การรับรอง ออกของน้านิภาเนี่ยไม่ชอบ ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่หมดหรือไม่อย่างไร นี่คือคำถาม แล้วกูจะลงนิดก็บอกว่า ตอบ นายทิฟฟานี่หัวหน้าพรรคการเมืองที่มีการจัดตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย มีชื่ออยู่ในข้อบังคับการเมือง ที่มีนายทะเบียนพรรคการเมือง รับรองประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อมีการเลือกตั้ง นายนิทราหัวหน้าพรรคออกหนังสือรับรองการส่งผู้ได้รับการสรรหาเพื่อเป็นหลักฐานในการสมัครรับเลือกตั้ง แบบแบ่งเขต ตามมาตรา 56 พรบว่าด้วยพรรคการเมือง และมาตรา 45 พรบว่าด้วยการเลือกตั้ง ภายหลังการเลือกตั้ง หากศาลตัดสินว่า หากศาลตัดสินว่านายนิทราถือหุ้นสื่อมาก่อนเลือกตั้ง 5 ปี แม้ว่า นายนิทราออกหนังสือรับรองให้กับผู้สมัครในช่วงขาดคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้าม แต่ก็เป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของนายนิทรา ที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส รายการลงนามรับรองให้กับผู้สมัครของพรรคเป็นการรับรองในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง ซึ่ง เมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของหัวหน้าพรรคการเมืองนั้น ก็ไม่ได้ห้ามหัวหน้าพรรคการเมืองเป็นเจ้าของ หรือ ผู้ถือหุ้น ในกิจการหนังสือ สื่อมวลชนก็ยังได้ ตามมาตรา 16 มาตรา 24 มาตรา 9 มาตรา 9 พรบว่าด้วยพรรคการเมือง ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 98 นี่คือกรณีที่พันตำรวจเอก เอกทวีวิทย์ ซึ่งปัจจุบันคือสว อดีตคือเลขากกต เขายกมา เทียบเคียง เน้นย้ำนะ เขายกมาเทียบเคียง เป็นตัวอย่าง กรณี คุณพิธา ถ้ายึดโยงตามตัวอย่าง ที่คุณจรูญวิทย์ยกมาเท่ากับว่า นะครับกรณีที่มันอาจจะเกิดขึ้น มันต้องแยกกัน คือธาตุในสถานะของการเป็นผู้สมัครสส นะครับมันมีลักษณะต้องห้ามชัดเจนห้ามถือหุ้นสื่อ หรือกรณีการลงสมัคร เป็นนายกด้วยตามตรงนี้นะ มันมีกรณีห้ามอยู่ตรงนี้ เอาเป็นว่าโดยหลักคือลงสมัครสสแล้วกัน มันมีกรณีห้ามอยู่ตามกฎหมาย อันนี้ถ้ามีการร้องขึ้นมามันมีโอกาสจะผิดและ ถูกตัดสินจริง แต่ ในกรณี ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง มีสิทธิ์ในการเซ็นรับรองผู้สมัคร ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองคุณจารุวิทย์พูดชัดเลยจากตัวอย่างที่ยกมาในนามบอกว่าเขาไม่ได้ห้ามหัวหน้า เป็นเอ๋อหรือเจ้าของเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นนะครับถ้ามันเกิดกรณีที่มีการร้องกันเรื่องนี้ ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่เซ็นรับรองเนี่ย ยังไงก็ไม่ผิด เพราะกฎหมายมันมันไม่ได้ระบุว่า หัวหน้าพรรคเนี่ย ถือหุ้นสื่อ เพราะฉะนั้นถ้าจะไปเทียบเคียงกับเรื่องราวที่มันอยู่ในสังคมเวลานี้เนี่ย ว่าจะไปไกลถึงขั้นว่า อาจจะต้องมีการเลือกตั้งซ่อมอะไรหรือไม่อย่างไร อาจจะไม่ถึงตรงนั้น เพราะเขาไม่ได้ห้ามในฐานะหัวหน้าพรรค นี่คือสิ่งที่ คุณจรุงวิทย์ ย้ำนะครับปัจจุบันเป็นสว อดีต เป็นเลขากกตเขาโพสต์ Facebook โดยใช้กรณีตัวอย่างของนาย ที่ถือหุ้น CU TEP แต่ถ้าจะเอามาอนุบาลเทียบเคียงกรณีของ ก่อนเที่ยงได้เพราะเป็นเคสเดียวกัน เขาบอกไม่ติด ไม่มี ตึกธนิยะ เลือกตั้งใหม่อะไรไม่มี กรณี ในฐานะหัวหน้าพรรคที่เซ็นรับรองสส คิดยังไงอ่ะ น้ำหนักอยู่นะ แต่มันก็มีน้ำหนักอยู่นะ อันนี้เป็นอีกความเห็นหนึ่งนะครับ มาดูอีกความเห็นหนึ่ง อันนี้เป็นเป็นความเห็นที่มาจากเจ้าตัวเองเลยก็คือคุณพิธาลิ้มเจริญรัตน์ พี่ทาให้ให้สัมภาษณ์ กรณีการถือหุ้นสื่อที่กลายเป็นประเด็นอยู่ในเวลานี้นะ น้าก็บอกว่า ตอนนี้เนี่ยได้ตรวจสอบกับทางพรรคแล้วนะฮะ ตอนนี้เนี่ยทางกกตยังไม่มีการเรียกเข้าชี้แจง พร้อมกับย้ำว่าหากตัด บริสุทธิ์ยุติธรรมนี้นะครับ คลังเรื่องหลักฐาน และเรื่องทางกฎหมาย คิดว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องน่าจะ กรณีการถือ ไม่มีอะไรต้องน่ากังวล ถ้าตัดสินกันอย่างไร กูจะถามข้อสอบถามว่าอ้าวแล้ว ถ้าคาดการณ์ว่ากกต. จะรับรองสสได้ในประมาณการ กลางเดือนมิถุนายนนี้เนี่ย หากกกต. ไม่สามารถรับรอง 29 รายได้ทั้ง 151 คน จะส่งผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ คุณพี่ทานก็บอกว่าเข้าใจว่าตามกฎหมาย จะรับรองช้าสุดคือ 13 กรกฎาคม หากช้าไปก็ติดกระดุมเม็ดแรกไม่ได้ ไม่สามารถเปิดสภา และเลือกประธานและรองประธานสภาได้ ก็จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ ทำให้ประชาชนเรียกร้องให้กกตและทำให้เร็วมากขึ้น ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์กับประชาชน นี่ก็พูด กระบะด้วยนะครับแต่โดยหลัก เรื่องกรณีเป็นหุ้นสื่อ คุณพิธาบอกว่า ไม่มีปัญหา ถ้า ตัดสินกันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมพร้อมชี้แจง ไม่มีอะไรต้องน่ากังวล นี่ก็เป็นทิศทางความเห็นนะครับวันนี้ในเรื่องของ การถือหุ้นสื่อ นิทานหลังจากที่ มีความเห็น ของคุณวิษณุออกมาก่อนหน้านี้ โดยสรุปก็คือผู้ชนะบอกไม่พูดแล้ว เพราะมันไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยที่พูดเพราะนักข่าวถาม ส่วนคุณจรุงวิทย์นะครับสวก็บอกว่า ถ้าตามกฎหมายเนี่ย ถ้าไปร้องในป้อมที่หัวหน้าพรรค ถือหุ้นสื่อ แล้วไปเซ็นรับรองสส จะเป็นโมฆะหรือเปล่าต้องเลือกตั้งซ่อมหรือเปล่า พูดชัดบอกกฎหมายมันระบุ หัวหน้าพรรค ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าห้ามถือหุ้นสื่อเพราะฉะนั้นมันไม่กระทบ มั่นใจ พอจะเป็นทิศทางพอจะเป็นแนวโน้มได้หรือไม่ลองฟังและตัดสิน เรื่องนี้ ดูคลิปจบแล้วอย่าลืมกดติดตามและสมัครสมาชิก YouTube มติชนทีวีเพียงแค่สแกนคิวอาร์โค้ดได้เลย