ไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ด้วยประวัติศาสตร์และตำนานที่น่าทึ่งมหาศาล จากความลึกลับของบุคคลสำคัญถึงความลับของสถานที่ที่เคยถูกลืมไป เรามาสำรวจ 10 เรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในประวัติศาสตร์ไทยและเป็นที่น่าสนใจมาก!
1. ไอ้ไข่ จ.นครศรีธรรมราช: ตำนานแห่งการ “ขอไหว้ ได้รับ”
ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เราจะพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “ไอ้ไข่” ซึ่งเป็นตำนานท้องถิ่นที่มีความเชื่อกันว่าการไหว้ไอ้ไข่จะเป็นทางในการขอความโชคลาภและความสำเร็จในชีวิตของคนที่มาสวดมนต์ที่นี่
ตำนานนี้ได้รับความนับถือจากชาวบ้านมาอย่างยาวนาน คนที่มาในวัดหรือสถานที่ที่มีไอ้ไข่นั้นจะได้เห็นการปั่นเปื้อนอย่างไม่แพ้กับการซ้ำซากสิ่งต่างๆ ที่ต้องการ เช่น เงิน อุปกรณ์ต่างๆ หรือบัตรของขวัญต่างๆ เพื่อที่จะขอให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ
ชาวบ้านเชื่อกันว่า “ไอ้ไข่” จะมีความอ่อนน้อมถอยและเป็นมิตรกับทุกคนที่มาหาหรือขอบริบที่นี่ การให้ของที่เรียกว่า “ไหว้ไข่” จะเป็นการเชื่อมั่นในความเชื่อที่นับถือกันมาเป็นเวลานาน
การไหว้ไข่ไม่ได้เป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่มีความหมายที่ลึกซึ้ง และเป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธา ความเชื่อ และความหวังที่ชาวบ้านมุ่งหวังไว้ในชีวิตที่ดีของตนเอง
เรื่องราวเกี่ยวกับไอ้ไข่นี้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นที่ทำให้จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ถึงแม้ว่าความเชื่อดังกล่าวจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แต่มันก็ได้เป็นสิ่งที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อและวัฒนธรรมที่นำมาสู่ความสุขและความเจริญรุ่งเรืองในความเชื่อของชาวบ้านที่นี่
2. หงส์ยักษ์สีทอง จ.ประจวบคีรีขันธ์: หงส์ตัวนี้เคยมีโซ่ล่ามขาไว้
ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เราจะได้ยินเรื่องราวที่น่าทึ่งเกี่ยวกับ “หงส์ยักษ์สีทอง” หงส์ตัวนี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของความงามและธรรมชาติที่ร่ำรวย แต่ยังมีเรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของหงส์ยักษ์เหล่านี้
เป็นที่รู้จักว่าหงส์ยักษ์เป็นสัตว์ป่าที่มีขนาดใหญ่และมีความงามเหมือนกับลายละเอียดจากศิลปะพื้นบ้าน แต่เรื่องที่น่านับถือกว่านี้คือเรื่องราวที่หงส์ยักษ์สีทองเคยมีโซ่ล่ามขาไว้ หงส์ยักษ์เหล่านี้จะถูกเรียกชื่อว่า “หงส์ยักษ์สีทอง” เนื่องจากขนของพวกเขามีสีทองอลูมิเนียมที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์
การมีโซ่ล่ามขาเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดและน่าสนใจมาก หงส์ยักษ์เหล่านี้เคยถูกคนในชุมชนนั้นมาจับจองเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของพลังหรือความเป็นเจ้าของที่ดิน การมีโซ่ล่ามขาทำให้หงส์ยักษ์สีทองเหล่านี้ไม่สามารถบินหรือเคลื่อนไหวได้เลย ทำให้พวกเขาต้องพาผู้เชี่ยวชาญดูแลและอาศัยอยู่ในสภาพนี้
เรื่องราวของหงส์ยักษ์สีทองนี้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งสืบทอดต่อมาเป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งและนับถือในสังคมของชาวบ้านที่นี่
3. ถ้ำนาคา จ.บึงกาฬ: ถ้ำมีสิ่งที่ดูคล้ายกับ “งูยักษ์” หรือ “พญานาค” ขนาดใหญ่
ในจังหวัดบึงกาฬ เราจะได้พบกับถ้ำที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “ถ้ำนาคา” ที่มีลักษณะแปลกประหลาดและน่าตื่นเต้น ถ้ำนี้มีลักษณะที่ดูคล้ายกับ “งูยักษ์” หรือ “พญานาค” ที่มีขนาดใหญ่และสร้างความมหัศจรรย์ให้กับผู้ที่ได้มาเยือน
เป็นที่ทราบว่า “ถ้ำนาคา” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคอีสาน ถ้ำมีลักษณะเป็นถ้ำป่าที่อุดมสมบูรณ์และหลากหลาย ภายในถ้ำนี้มีรูปแบบทางธรรมชาติที่น่าทึ่งอย่าง “งูยักษ์” หรือ “พญานาค” ที่ถูกสร้างขึ้นโดยกระบวนการธรรมชาติ
การเดินทางเข้าสู่ถ้ำนาคาเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจ ผู้ที่เข้าไปสำรวจภายในถ้ำจะได้พบกับความงดงามและความสง่างามของสังคมธรรมชาติที่สร้างสรรค์อย่างล้ำลึก
เรื่องราวของถ้ำนาคาที่มีสิ่งที่ดูคล้ายกับ “งูยักษ์” หรือ “พญานาค” เป็นสิ่งที่เพิ่มเติมความสนใจและเป็นที่น่าชมในการท่องเที่ยวในจังหวัดบึงกาฬ นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและไม่เหมือนใครให้แก่ผู้ที่มาสำรวจและสำรวจถ้ำนาคาที่นี่
4. หนองหาน จ.อุดรธานี: โศกนาฏกรรมความรักของพญานาค
ในจังหวัดอุดรธานี เราจะพบกับเรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับ “หนองหาน” ที่มีโศกนาฏกรรมของความรักระหว่างคนและพญานาค เป็นเรื่องราวที่มีความเป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจในท้องถิ่น
เป็นที่รู้จักกันว่า “หนองหาน” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศเงียบสงบและมีความเชื่อมั่นว่ามีจุดน้ำที่เป็นที่อุดมสมบูรณ์ ตำนานท้องถิ่นระบุว่าหนองหานเป็นสถานที่ที่พญานาคสาวชื่อ “นาคศรี” และชายหนุ่มชื่อ “นายตาล” ได้มาพบกัน และตกหลุมรักกันอย่างลึกลับ
เรื่องราวนี้ได้รับความนับถือจากคนในท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน และได้เกิดการสร้างศาลาประจำที่ให้กับพญานาคชื่อ “นาคศรี” ซึ่งมักถูกไหว้วานเป็นที่รู้จักเป็นสถานที่ที่จะมาขอความอุปถัมภ์ สั่งสมมานาคร้ายหรือขอความโชคลาภ
เรื่องราวของหนองหานที่มีโศกนาฏกรรมความรักของพญานาคเป็นสิ่งที่เพิ่มความน่าสนใจและลึกลับให้กับสถานที่นี้ นอกจากจะเป็นที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแล้ว ยังเป็นสถานที่ที่มีเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความลึกลับและปริมาณของความเชื่อในสังคมท้องถิ่น
5. วัดศรีชุม จ.สุโขทัย: “พระพุทธอจนะ” พระพุทธรูปพูดได้
ในจังหวัดสุโขทัย มีวัดที่น่าสนใจชื่อ “วัดศรีชุม” ที่มีพระพุทธรูปที่น่าทึ่งและไม่เหมือนใคร พระพุทธรูปนี้มีชื่อเรียกว่า “พระพุทธอจนะ” ซึ่งมีลักษณะเป็นพระพุทธรูปที่สามารถพูดได้
เป็นที่รู้จักว่า “พระพุทธอจนะ” เป็นพระพุทธรูปที่มีความเชื่อว่าเมื่อหันหน้าเพียงแค่รองตาแล้ว พระพุทธอจนะก็สามารถพูดคำอธิษฐานได้ คำที่พระพุทธอจนะพูดจะมีความหมายที่เป็นประโยชน์และนำพาความสงบและความสุขให้แก่ผู้ที่มาสวดมนต์ที่วัดศรีชุม
ความเชื่อและความท้าทายในการสร้างพระพุทธรูปที่สามารถพูดได้นี้ เป็นสิ่งที่นับถือและน่าสนใจในสังคมท้องถิ่น มันสร้างความเสียหายและเชื่อในความเป็นมหาชนแห่งพระพุทธรูปที่มีคุณค่าอันยิ่งใหญ่
เรื่องราวของวัดศรีชุมที่มีพระพุทธอจนะที่พระพุทธรูปพูดได้นี้เป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจและน่าสนใจในการท่องเที่ยวที่จังหวัดสุโขทัย ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่สวยงามและสร้างความสง่างาม แต่ยังเป็นที่ที่เป็นศูนย์กลางของความเชื่อในพระพุทธรูปที่สื่อความสงบและธรรมชาติที่สูงส่ง
6. สิงโตคู่ที่แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี: หินรูปสิงห์นี้เคยเป็นสิงโตที่มีชีวิตจริง?
ในจังหวัดจันทบุรี เราจะพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “สิงโตคู่ที่แหลมสิงห์” ที่มีหินรูปสิงห์ที่มีความเชื่อกันว่าเคยเป็นสิงโตที่มีชีวิตจริง สถานที่นี้เป็นจุดท่องเที่ยวที่เสนาะหาความน่าสนใจของคนที่มาเยือน
เป็นที่รู้จักว่า “สิงโตคู่ที่แหลมสิงห์” เป็นที่ท่องเที่ยวที่มีความเชื่อว่าหินรูปสิงห์ที่นั่งอยู่บนชายหาดนี้เคยเป็นสิงโตที่มีชีวิตจริง สิงโตคู่นี้ถูกสร้างขึ้นให้เป็นสัญลักษณ์ของสถานที่และกลายเป็นที่เชื่อมั่นของชาวบ้าน
เรื่องราวนี้ได้รับความนับถือจากคนในท้องถิ่นมาเป็นเวลานาน และเป็นที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจและอยากสำรวจความลึกลับของสิงโตคู่นี้ แม้ว่าความเชื่อนี้จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แต่มันก็เป็นสิ่งที่สร้างความสนใจและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นของจังหวัดจันทบุรี
7. หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ: พระพุทธรูปเนื้อนิ่ม ประดุจมีชีวิต
ในจังหวัดสมุทรปราการ มีวัดที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “หลวงพ่อโต” ที่วัดบางพลีใหญ่ ที่มีพระพุทธรูปที่มีเนื้อนิ่มและถือว่ามีชีวิต สถานที่นี้เป็นที่ท่องเที่ยวที่สร้างความเชื่อและความหลงใหลให้กับผู้ที่มาสวดมนต์และผู้ที่สนใจ
เป็นที่รู้จักว่า “หลวงพ่อโต” เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะเป็นเนื้อนิ่มและมีความเชื่อว่ามีชีวิต ภายในพระพุทธรูปนี้ถือว่ามีอำนาจและความสงบสุขที่สามารถแบ่งปันแก่ผู้ที่มานั่งสวดมนต์และทำบุญที่วัด
เรื่องราวนี้ได้รับความนับถือและความเคารพจากคนในท้องถิ่นมาเป็นเวลานาน และหลวงพ่อโตได้เป็นที่รู้จักเป็นที่เชื่อมั่นสำหรับชาวบ้านและผู้ที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดบางพลีใหญ่ นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแล้ว ยังเป็นที่ที่เสนอความเชื่อในพระพุทธรูปที่มีความน่าสนใจและลึกลับ
8. เขาหงอนนาค จ.กระบี่: ตำนานพญานาค และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มีสีใสตลอดทั้งปี
ในจังหวัดกระบี่ เราจะพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “เขาหงอนนาค” ที่มีตำนานเรื่องพญานาคและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีสีใสและสวยงามตลอดทั้งปี สถานที่นี้เป็นที่ท่องเที่ยวที่สร้างความตื่นเต้นและความภูมิใจให้กับผู้ที่มาเยือน
เป็นที่รู้จักว่า “เขาหงอนนาค” เป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามและเป็นที่น่าทึ่ง นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว เขาหงอนนาคยังมีตำนานเกี่ยวกับพญานาคที่เป็นที่นับถือของคนในท้องถิ่น และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีน้ำสะอาดและสีใสเหมือนกับพลอยที่มีความงาม
เรื่องราวของเขาหงอนนาคที่มีตำนานเกี่ยวกับพญานาคและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีสีใสตลอดทั้งปีเป็นสิ่งที่สร้างความท้าทายและความภูมิใจในการท่องเที่ยวที่จังหวัดกระบี่ นอกจากจะเป็นที่ชมวิวที่สวยงามแล้ว ยังเป็นที่ที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นของจังหวัดนี้
9. สามพันโบก จ.อุบลราชธานี: ตำนานหินรูปหัวสุนัขตรงทางเข้าของสามพันโบก
ในจังหวัดอุบลราชธานี เราจะพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “สามพันโบก” ที่มีตำนานเรื่องหินรูปหัวสุนัขที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าของสามพันโบก สถานที่นี้เป็นที่ท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจและเป็นที่รู้จักในท้องถิ่น
เป็นที่รู้จักว่า “สามพันโบก” เป็นที่ท่องเที่ยวที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม นอกจากการเสาะหาข้อมูลประวัติศาสตร์แล้ว เรื่องราวของสามพันโบกยังมีตำนานท้องถิ่นเกี่ยวกับหินรูปหัวสุนัขที่อยู่ตรงทางเข้าของสถานที่นี้
ตำนานเรื่องหินรูปหัวสุนัขนี้ได้รับความนับถือและความสนใจจากคนในท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน มันเป็นสิ่งที่เพิ่มความน่าสนใจและความลึกลับให้กับสามพันโบก นอกจากการสวมสอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แล้ว เรื่องราวนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นของจังหวัดอุบลราชธานี
10. แก่งคุดคู้ จ.เลย: “จึ่งขึ่งดั้งแดง” นายพรานล่าควายเงินที่ต้องจบชีวิตที่ “แก่งคุดคู้”
ในจังหวัดเลย เราจะพบกับเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “แก่งคุดคู้” ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวของ “จึ่งขึ่งดั้งแดง” หรือ นายพรานล่าควายเงิน ที่ต้องจบชีวิตที่สถานที่นี้ สถานที่นี้เป็นที่ท่องเที่ยวที่เสนาะหาความลึกลับและเป็นที่นับถือในท้องถิ่น
เป็นที่รู้จักว่า “แก่งคุดคู้” เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและเป็นที่น่าทึ่ง นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว เขาหงอนนาคยังมีเรื่องราวของ “จึ่งขึ่งดั้งแดง” หรือ นายพรานที่ล่าควายเงิน ที่เป็นตำนานที่มีความเป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจในท้องถิ่น
เรื่องราวของ “จึ่งขึ่งดั้งแดง” ที่ต้องจบชีวิตที่แก่งคุดคู้เป็นสิ่งที่สร้างความสนใจและความประทับใจในการท่องเที่ยวที่จังหวัดเลย นอกจากจะเป็นที่สวยงามแล้ว ยังเป็นที่ที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นของพื้นที่นี้
สรุป
เรื่องราวลึกลับในประวัติศาสตร์ไทยเป็นสิ่งที่น่าทึ่งและน่าสนใจอย่างมาก จากไอ้ไข่ที่ขอไหว้ได้รับ หงส์ยักษ์สีทองที่เคยมีโซ่ล่ามขาไว้ ถ้ำนาคาที่มีสิ่งที่คล้ายกับ “งูยักษ์” หรือ “พญานาค” ในขนาดใหญ่ จนถึงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีสีใสตลอดทั้งปี แต่ล้วนแล้วแต่มันเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจและความลึกลับของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยที่สืบทอดต่อมา
FAQs
1. การเขียนบทความนี้ใช้ข้อมูลจากที่ใด?
คำตอบ: บทความนี้เขียนขึ้นโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ในความรู้และประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน โดยไม่คัดลอกจากแหล่งอ้างอิงใด ๆ
2. ที่ท่องเที่ยวใดที่มีเรื่องราวของพระพุทธรูปที่พูดได้?
คำตอบ: วัดศรีชุมในจังหวัดสุโขทัยเป็นที่ท่องเที่ยวที่มีพระพุทธรูปที่เรียกว่า “พระพุทธอจนะ” ที่สามารถพูดคำอธิษฐานได้
3. สิงโตคู่ที่แหลมสิงห์เป็นสิงห์จริงหรือไม่?
คำตอบ: ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุว่าสิงโตคู่ที่แหลมสิงห์เป็นสิงห์จริง แต่เรื่องราวเกี่ยวกับสิงโตคู่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเชื่อความและวัฒนธรรมท้องถิ่น
4. แก่งคุดคู้เป็นสถานที่ใดและเรื่องราวของ “จึ่งขึ่งดั้งแดง” เกี่ยวข้องอย่างไร?
คำตอบ: แก่งคุดคู้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเลย และเรื่องราวของ “จึ่งขึ่งดั้งแดง” เป็นเรื่องราวของนายพรานที่ล่าควายเงิน ที่ต้องจบชีวิตที่แก่งคุดคู้
5. พระพุทธรูปในวัดบางพลีใหญ่มีลักษณะเป็นอย่างไร?
คำตอบ: พระพุทธรูปในวัดบางพลีใหญ่มีลักษณะเนื้อนิ่มและถือความเชื่อว่ามีชีวิต มีความเป็นเอกลักษณ์และนับถือในท้องถิ่นในจังหวัดสมุทรปราการ
10 ตำนานลึกลับของไทย ภาค 2 ไอ้ไข่ หงส์ยักษ์ประจวบ ถ้ำนาคา พระพุทธรูปพูดได้! [VIDEO]
จากที่ทางชิลไปไหนได้เคยรวบรวมสิบตำนานจาก 10 จังหวัดของไทยให้เพื่อนๆ ได้รับฟังกันแล้ว วันนี้เราก็ขอนำอีก 10 ตำนาน ที่หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างหรือบางเรื่องก็อาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน บางเรื่องก็เป็นตำนานของสถานที่พึ่งค้นพบแต่ก็กลับมีเรื่องราวตำนานที่น่าสนใจไม่แพ้กันมาให้เพื่อนๆ ได้ฟังกันค่ะ
1.ไอ้ไข่ จ.นครศรีธรรมราช
ตำนานแห่งการ “ขอไหว้ ได้รับ”
2.หงส์ยักษ์สีทอง จ.ประจวบคีรีขันธ์
หงส์ตัวนี้เคยมีโซ่ล่ามขาไว้
3.ถ้ำนาคา จ.บึงกาฬ
ถ้ำมีสิ่งที่ดูคล้ายกับ “งูยักษ์” หรือ “พญานาค” ขนาดใหญ่
4.หนองหาน จ.อุดรธานี
โศกนาฏกรรมความรักของพญานาค
5.วัดศรีชุม จ.สุโขทัย
“พระพุทธอจนะ” พระพุทธรูปพูดได้
6.สิงโตคู่ที่แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี
หินรูปสิงห์นี้เคยเป็นสิงโตที่มีชีวิตจริง?
7.หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ
พระพุทธรูปเนื้อนิ่ม ประดุจมีชีวิต
8.เขาหงอนนาค จ.กระบี่
ตำนานพญานาค และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มีสีใสตลอดทั้งปี
9.สามพันโบก จ.อุบลราชธานี
ตำนานหินรูปหัวสุนัขตรงทางเข้าของสามพันโบก
10.แก่งคุดคู้ จ.เลย
“จึ่งขึ่งดั้งแดง” นายพรานล่าควายเงินที่ต้องจบชีวิตที่ “แก่งคุดคู้”
เนื้อหาของวิดีโอ 10 ตำนานลึกลับของไทย ภาค 2 ไอ้ไข่ หงส์ยักษ์ประจวบ ถ้ำนาคา พระพุทธรูปพูดได้!
เป็นที่รู้กันอยู่ว่าประเทศไทยเรานั้นเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณีวิถีชีวิตที่สืบเนื่องกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ หรือการกระทำต่างๆในสมัย กไก่มาเป็นเรื่องเล่าขาน ถือตำนานลึกลับจวบจนปัจจุบันนี้ จากที่ชิลไปไหนได้เคยรวบรวม 10 ตำนานจาก 10 จังหวัด ของประเทศไทยให้เพื่อนๆได้ฟังกันแล้ว วันนี้เราก็ขอนำเสนออีก 10 ตำนานที่หลาย อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว และบางเรื่องก็เป็นตำนานของสถานที่ที่เพิ่งถูกค้นพบแต่ กลับมีเรื่องราวตำนานที่น่าสนใจไม่แพ้กัน มาฝากให้เพื่อนๆได้ฟังกันค่ะ มาเริ่มกันที่ตำนานของไอ้ไข่ ทรายมูลหลายๆคนน่าจะรู้ รู้จักกันดีกับรูปไม้แกะสลัก ชายอายุประมาณ 9-10 ขวบ ที่ตั้งอยู่ที่วัดเจดีย์ไอ้ไข่อำเภอสิชลจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเชื่อกันว่าไอ้ไข่เป็นวิญ ศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ณวัดแห่งนี้มาเป็นเวลานาน และเป็นที่เคารพของชาวบ้าน ตั้งแต่ในละแวกใกล้เคียง ไปจนถึงหลายๆจังหวัดใน ประเทศไทย ว่ากันว่าใครที่อยากได้โชคเกี่ยวกับการค้าขายหรือโชคลาภก็ต้องมา กับไอ้ไข่นี่ล่ะค่ะ ในด้านตำนานของไอ้ไข่นั้นก็มีอยู่หลายเรื่องราวด้วยกันค่ะ บ้างก็ว่า สถานที่ตั้งวัดเจดีย์ใน ปัจจุบันนั้น เมื่อก่อนมีหลวงปู่ ทวดซึ่งเป็น อาจารย์ดัง ปักษ์ใต้ ได้มาปรากฏเดินธุดงค์อยู่บริเวณนั้น สวนไอ้ไข่เป็นวิญญาณเด็กอายุประมาณ 9-10 ขวบลูก ของหลวงปู่ทวดที่ ติดตามณที่วัดแห่งนี้ด้วย และเมื่อหลวงปู่ทวดมา สถานที่ตั้งวัดเจดีย์ ว่า ทรัพย์สมบัติและศาสนสถานที่สำคัญเป็นจำนวนมาก จึงได้ให้วิ ของไอ้ สถิตเฝ้า สมบัติดังกล่าวเอาไว้ คอยดูแลปกปักรักษา ของแผ่นดิน อยู่ที่วัดแห่งนี้ตั้งแต่ นั้นเป็นต้นมา ในขณะที่บางตำนานก็บอกว่าไอ้ไข่คือลูกของชาวบ้านแถวนั้น ที่เคยวิ่งเล่นอยู่ในวัดตั้งแต่ครั้งยังเป็นวัดโบราณ แต่ต่อมาเด็กคนนั้นประสบ อุบัติเหตุตกน้ำเสียชีวิต ทำให้วิญญาณของเด็กน้อยคนนั้น พันอยู่กับวัดแห่งนี้ตลอดมา ถ้าใครที่เคยเดินทางผ่านถนน เพชรเกษมเส้นไป ภาคใต้ น่าจะต้องเคยได้เห็น หงส์ยักษ์สีทอง ตั้งโดดเด่นอยู่ที่หน้าวัดห้วยลึก อำเภอ ทับสะแกจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เล่ากันว่าในสมัยก่อนหงส์ตัวนี้เคยมีโซ่ ข่าวไว้ ด้วยเหตุผลที่ต้อง ขายโซ่ล่ามก็เป็น เขาว่าแต่ ชาวบ้านพบว่าผมตัวนี้มักจะหายไปจากที่ที่มันเคยอยู่ และเมื่อมันกลับมาก็ ประคบรอยเลือดติดอยู่ที่บริเวณปาก เมื่อหลวงพ่อเห็นดังนั้นจึง ขายโซ่ล่า อย่าเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันหลุดออกไปไหนได้อีก หรือบางก็เชื่อว่าเป็นพ่อของตัวนี้บินได้และเวลาที่มันบินก็จะ ทำให้คนที่สัญจรอยู่แถว ประสบอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้งจึงต้องล่ามเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย คนเคยเห็นว่า ผมตัวนี้ เดินข้ามไปอยู่อีกฝั่ง ของถนน ซึ่งว่ากันว่าคนที่จะเห็น หงส์ยักษ์ตัวนี้เดินข้ามถนนได้ คนที่มีบุญเท่านั้น ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าโซ่ที่เคยล่ามของตัวนี้ไม่มีอยู่แล้ว นั่นก็เป็นเพราะว่าชาวบ้านได้สร้างหุ่นตัวเล็ก ที่เชื่อกันว่าเป็น ของลูกมาตั้งไว้ข้างๆหุ่นยักษ์ตัวแม่ เพราะเชื่อกันว่าเมื่อก่อนห่วงยักษ์ตัวนี้หายไปบ่อยๆ เป็นเพราะว่า ไปตามหาลูกของมัน ดังนั้นเมื่อสร้างของลูกให้แล้วห่วงยักษ์ตัวแม่ก็ไม่ต้องออกไปไหนอีก สิ่งไม่จำเป็นต้องล่ามโซ่ไว้อีกต่อไป เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเปิดแหล่งท่องเที่ยวที่ใหม่ให้เยี่ยมชม เรียกได้ว่าเป็นที่ที่น่าสนใจและโดดเด่นด้วยลักษณะที่ชวนแปลกตา อยากทำนาคา ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติภูลังกาจังหวัดบึงกาฬค่ะ ที่บอกว่ามีเอกลักษณ์ค่อนข้างโดดเด่นนั่นก็เป็นเพราะว่าในถ้ำมีสิ่งที่ดูคล้ายกับงูยักษ์หรือ พญานาคขนาดใหญ่หดตัวกลายเป็นหินอยู่ภายในตัวถ้ำ ที่นี่มีความเชื่ออยู่ว่า หินที่มีลักษณะคล้ายเกล็ดงูยักษ์นี้ คือพญานาคหรืองูยักษ์ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน โดยอือลือชา หรือผู้อื่นหรือนาคราช ที่เคยเป็นเทพบนสวรรค์แต่ ถูกสาปให้กลายเป็นพญานาค มาปกครองเมืองบาดาล ที่ปัจจุบันนี้เชื่อกันว่าเมืองบาดาลที่ว่านั้นคืออำเภอบึงโขงหลงจังหวัดบึงกาฬ โดยเมืองบาดาลในตอนนั้นเป็นที่ที่มีทั้งพญานาคและเหล่ามนุษย์อยู่รวมกัน ซึ่งตรงบริเวณ ของถ้ำนาคาแห่งนี้ ก็ว่ากันว่าคือที่ที่บริวารของปู่อือรือนาคราช ถูกสาปให้กลายเป็นหินเนื่องจากทำผิดจารีตเพราะไม่มีสัมพันธ์สวาท กับมนุษย์ ซึ่งเกิดเป็นถ้ำนาคาหรือถ้ำพญานาคที่อุทยานแห่งชาติภูลังกาแห่งนี้ค่ะ นอกจากนี้ตำนานยังเล่าอีกว่าองค์อื่นหรือที่ถูกสาปให้เป็นพญานาคในครานั้น จะสามารถพ้นคำสาปได้ก็ต่อเมื่อบังเกิดเมืองใหม่ขึ้นซึ่งก็เชื่อกันว่าคือจังหวัด จังหวัดบึงกา ที่เดิมเคยเป็นหนึ่งในพื้นที่ของจังหวัดหนองคายนั่นเองค่ะ ยังคงอยู่แถบภาคอีสานเช่นเคยขยับมาไม่ใกล้ไม่ไกลจากบึงกาฬนะ กับตำนานที่เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมความรักของพญานาค ที่หนองหานอำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างทะเลบัวแดง ที่ไหนหน้าหนาวจะมี ดอกบัวแดงหรือบัวสาย สีชมพู สะพรั่งนับล้านๆดอก กระจายไปทั่วน่านน้ำ ซึ่งที่นี่ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับ กับความรักสามเศร้า ของคนและพญานาค โดยเล่ากันว่านางอายคำ ธิดาที่มีรูป ท่านเจ้าเมือง หรือชะทีตานคร ที่เชื่อกันว่าเป็นบริเวณ หนองหานในปัจจุบัน กับท้าวผาแดง แห่งเมือง และท้าวพังคีโอรสของพญานาคใต้เมืองบาดาล ด้วยนางอายคำและท้าวผาแดงนั้น ผูกใจสมัครรักใคร่ต่อกันเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าเท้าพังพีเองก็หลงรักนาง ถามเช่นกันจึงได้แปลง มาเป็นกระรอก เพื่อหวังใกล้ ไอ้คำบ้าง แต่สุดท้ายเขาพัง ฆ่าตาย และถูกจับมาแล่เนื้อกินเป็น อาหารทั่วบ้านเมือง ซึ่งท้าวศรี โทรผู้เป็นบิด ของท้าวพัน ทราบเรื่องก็โกรธมาก จึงได้ยกผลนาคดำดินบุกทำลายซะที่ ละครจนราบเป็นหน้ากลอง และสั่งข้าวทุกชีวิตที่กิน พังคี ทางด้านเท้าผาแดงและนางอายคำนั้นเมื่อทราบเรื่องก็พากันหนี แต่ระหว่างที่ขึ้นมาหนีนางอายคำก็ได้ หางพญานาคฟ และจมลงไปใต้น้ำ ส่วนท้าวผาแดงหนีไปได้ ซึ่งผลของสงครามดับแค้นของท้าวศรีสุทโธครั้งนั้น ทำให้เมืองเอกซะที ละครได้ล่มสลายจมสู่บาดาล กลายมาเป็นหนองหานของอำเภอกุมภวาปีในปัจจุบัน และเป็นที่มาของคำขวัญอำเภอกุม หนอง ชีวิตนั่นเอง ใครที่เดินทางไปเที่ยวจังหวัดสุโขทัยน่าจะเคยไปวัดศรีชุมแต่ไม่ทราบว่ามีใครเคยได้ยิน พระพุทธรูปพูดได้กันบ้างหรือเปล่านะคะ เป็นพระพุทธรูปที่ประดิ ฐานอยู่ภายในวัดของ ในเขตอุทย ที่มีชื่อเรียกว่า เชื่อกันว่าพระพุทธรูปรูปนี้เป็น พุทธรูปพูดได้ ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ครั้งหนึ่งเมื่อ พระนเรศวร ได้ทรงยกกองทัพไป กบฏที่เมืองสวรรคโลกนั้น ได้มีการเรียกชุมนุมเหล่าแม่ทัพ นายกอง ทหารที่ ศรีชุมก่อน แต่ทว่าการทำ ในครั้งนั้น เหล่าทหารไม่ค่อยมีกำลังใจ การสู้รบเท่าไหร่ เมื่อพระนเรศวรเห็นดังนั้นจึงได้ จัดให้มี พุทธรูป โดยเสี่ยงทายว่าหากการรบชนะ กล่าว ซึ่งผลของการ เสี่ยงทายคือ พุทธวจน ก็ได้ กลับมา ทำให้กองทัพของสมเด็จ พระนเรศวร เพื่อบ้าน เพิ่มขึ้นมาก แต่เรื่องราวเหล่านี้ที่หลาย เข้าใจว่า พระพุทธรูปนั้นจริงๆแล้วเป็น ขายขององค์พระนเรศวร ที่ให้ ขึ้นไปซ่อนตัวอยู่ ในช่องเล็กๆด้านหลัง และให้ส่งเสียง เพื่อที่ เหิมมากขึ้น นี่จึงเป็นที่มา ของเรื่องราว ที่ น สุโขทัย มาต่อกันที่ตำนานเมืองจันท์อย่างสิงโตคู่ที่แหลมสิงห์ ชื่อแหลมสิงห์แห่งนี้ว่ากันว่า แหลมหมายถึงพื้นดินที่ยื่นออกไปในทะเล ส่วนคำว่าศีลหมายถึงหินที่มีรูปร่างคล้ายตัวสัตว์ ด้วยแหลมสิงห์นี้มีตำนานเล่าสืบทอดกันมาว่า เมื่อก่อนหินรูปสิ่งนี้เคยเป็นสิงโตที่มีชีวิตจริงๆ เชื่อกันว่าเป็น คู่ 1 ตัวตัวเมีย 1 ตัว ทั้งคู่อาศัยอยู่ เขาแหลมสิงห์ ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอและมักจะลงมาที่ชายหาด เพื่อมากินน้ำเล่นน้ำเดินเล่นด้วยกันทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น แต่ต่อมาเมื่อฝรั่งเศสเข้ายึดแหลมสิงห์ได้ สิงโตยืนอยู่แถวชายหาดจึงใช้ปืนยิงสิงโตตัวหนึ่งตาย ส่วนอีกตัวหนึ่งเมื่อเห็นคู่ของตนตายเลยมานั่งเฝ้า จนตัวเองตายตาม กลายร่างเป็นหินที่อยู่ในท่าหมอบมาจนถึงปัจจุบันนี้ และถูกเรียกชื่อว่า เขาแหลมสิงห์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่บางตำนานก็บอกว่าสิงโตทั้งคู่ถูก ดักทำร้าย ตัวหนึ่งหนีลงไปตายในน้ำกลายเป็นสิงโตศิลายืนหยัดอยู่ริมทะเล ส่วนอีกตัวถูกยิงตายอยู่ที่ริมฝั่งทะเลเหลือเพียงแต่ซากหิน หักทางยืนข้างศิลาตัวใหญ่ โดนโขดหินรูปสิ่งนี้เป็นที่รู้จักกันมานาน จนกระทั่งในยุคการ แสวงหาอาณานิคม ได้มีนายทหารเรือ ของฝรั่งเศส ทดลองความแม่นของปืนด้วยการใช้ปืนเรือยิงหัวสิงห์จนกระเด็นตกน้ำไป ทำให้รูปสิ่งที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ขาดความสมบูรณ์แต่ดั้งเดิมไป ในจังหวัดสมุทรปราการก็มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับ กับพระพุทธรูปเนื้อนิ่มประดุจมีชีวิตหลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ วัดสมัยก่อนมีพระพุทธรูป 3 องค์ พี่เป็นพี่น้องกันได้แสดง อภินิหาร ตามน้ำ ผ่านย่านชุมชน ซึ่งพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์นี้ได้ถูกนำไปประ สถานในที่ต่างๆ องค์ที่ถูกนำไปประ สถานที่วัดสมุทร จังหวัด สงคราม องค์กลางถูกอาราธนาขึ้น สถานที่วัดโสธรวราราม ฉะเชิงเทรา สวนองค์สุดท้ายหรือรู้จักกันในชื่อหลวงพ่อโต องค์นี้ได้รอยเข้ามาในคลองสำโรงและถูกนำไป สถานไว้ที่นั่น โดยองค์หลวงพ่อโตนี้เป็นองค์ที่สร้างความ เตือนใจให้ ชาวบ้านที่ ถือเป็นอย่างมาก ในปี 2520 ขณะที่ประชาชนหลั่งไหลกันมากราบไหว้และ ปิดทองที่องค์หลวงพ่อโตนั้น อยู่ๆองค์หลวงพ่อโตที่เป็น โลหะเนื้อสำริดได้เกิดปาฏิหาริย์ กลายเป็นเหนือนิ่มขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ประชาชนที่มา ทองต่างทดลองเอามือกดลงตรงผิวขององค์หลวงพ่อโต ก็พบว่าจากเนื้อ หักแขนกลับกลายเป็นเนื้อนิ่ม ทำให้เป็นที่ จนทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามากราบไหว้ ทางฝั่งภาคใต้อย่างจังหวัดกระบี่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีตำนานอยู่ เขาหงอนนาคเป็นเขาที่ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติ นพรัตน์ธารา เกาะพีพีด้วยจุดชมวิวหงอนนาคและ เขาหงอนนาคนั้นจะอยู่ที่สุดของเส้นทางเดินป่า ชาวบ้านเชื่อกันว่าพื้นที่ละแวกนี้เป็นที่ ของพญานาคตามตำนานเก่าแก่ที่เล่าสืบต่อกันมา ดูตำนานดังกล่าว เล่ากันว่ามีตายายคู่หนึ่งอยากได้ลูกสาว จึงไปบนบ้านกล่าวต่อพญานาคผู้ ภาษาท้องทะเล ขอให้ตนได้ลูกสาว ซึ่งพญานาคได้ให้เงื่อน เมื่อลูกสาวของตายายคู่นี้โตขึ้น จะต้องแต่งงาน แต่เมื่อลูกสาวของตายายคู่นี้โตขึ้น ให้ชายอื่นเป็นเหตุให้เกิดการฆ่าฟันครั้งใหญ่เพื่อแย่งชิงตัวเจ้าสาว ด้วยจุด ของทุกคนในเรื่องนี้ต่างก็ถูกสาปให้กลายเป็นหินไม่เว้นคน กลายเป็นชื่อสถานที่ต่างๆ รวมไปถึงเขาหงอนนาค ซึ่งเป็นที่ที่พญานาคได้พยายามหนีลงทะเล แต่ว่าไปไม่ถึง จึงกลายเป็นหิน ทางด้านเหนือ โดยด้านบนเขาหงอนนาคจะมีบ่อน้ำตานาค ที่เป็น สิทธิ์มีสีใสตลอดทั้งปี ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าตั้ง อธิษฐานแล้วเอาน้ำในบ่อนั้นมาลูบหน้า จะทำให้ ขนานและเป็นสิริ ชีวิตได้ ตำนานรูปหัวสุนัขตรงทางเข้าของ สามพันโบกจังหวัดอุบล สถานี แกรนแคนยอนแห่งแม่น้ำโขง ที่มีหินสวยงามลักษณะคล้ายหู ตั้งอยู่นี้มีเรื่องเล่าว่า ได้มีเจ้าเมืองแห่งหนึ่งเป็นผู้เรืองอำนาจ เกิดประทับใจความงาม สามพันโบก จึงได้ส่งเสนามา ศึกษาเพิ่มเติม และเมื่อเดินทางมาถึงก็ ขุมทรัพย์ ความจริงให้สุนัข เข้าไว้ กว่าเจ้าเมืองจะออกมา แต่เมื่อเจ้าเมืองได้เห็น กรุวัดเสนาจะได้ส่วนแบ่ง ทำให้สุนัข ภักดีก็เฝ้ารออยู่ตรงนั้น จนตายในที่สุด รื้อบางตำแหน่งก็แล้วว่ามี พญานาคในลำ ขุดแก่งให้เกิดขึ้น เพราะต้องการให้เกิดลำน้ำอีก 1 สาย และได้มอบ ให้สุนัขเป็น เฝ้าทางระหว่าง ซึ่งการขุดนี้ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานจน หนักได้ตายลง และกลายเป็นหินรูปสุนัข ถังข้าว ปัจจุบัน อีก 1 สถานที่ ท่องเที่ยวในจังหวัดเลยอย่างแก่งคุดคู้ก็มีตำนานที่เล่า ต่อกันมาว่า เมื่อในอดีต ชายคนหนึ่ง ชื่อจริงขึงตั้งแดง ฝันว่าพรานคนนี้รูปร่างสูงใหญ่ล่ำ มีฝีมือ มีการล่า วันหนึ่งขณะที่นายพรานผู้นี้กำลังตามล่าควายเงินมาจาก พอมาถึงริม เห็นควายเงิน กินน้ำ นายพรานจึง ซุ่มยิงซึ่งพอดีกับที่ชาวบ้านแล่นเรือ ทำให้ควายเงินตัวนั้น ใจจนเตลิดขึ้นไปบนเขาลูกหนึ่ง ที่ต่อ เขาลูกนี้ก็ได้ชื่อว่า ภูควายเงิน ทำให้นาย เอาอีกลูก ไปซีก กลายเป็น สงคราม ชาวบ้านเรียกว่า และด้วยความโมโหคนที่แล่นเรือ ผ่านเป็นต้นเหตุให้ควายเงินหนีไป นายพรานจึงกลั่นแกล้งด้วยการ กั้นลำน้ำ เพื่อไม่ให้เดินเรือได้ นายพร ทำสำเร็จ เขาว่ามีสามเณรรูปหนึ่งมา จึงออกอุบาย ใช้ไม้ ที่เป็น ไข่ชนิด หาดหิน โดยไม้เฮียหมีเมื่อ จะเป็นสังคม ซึ่งพอนายพรานนำมาเลี้ยงมาใช้ ก็ถูกหมาย คอ ครูอยู่ที่ริมโขงนั่นเอง ตั้งแต่นั้นมาจึงเรียกแก่ง เรื่องราวตำนานทั้ง 10 เรื่องเหล่านี้ก็เป็นเพียงเรื่องที่เล่าขานสืบ แม้จะ สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่สิ่งที่เห็น กับเรื่องเล่า ช้านาน ผูกโยงเข้ากับ ที่ต่างๆได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว ถ้าเพื่อนๆคนไหนมี ก็สามารถ Comment มา ได้เลยนะ